อย่าให้ “ที่ลับ” เป็นแค่เรื่องลับๆ

การพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับที่ลับในที่แจ้ง ไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิงอย่างเราๆ พึงประสงค์ เราชอบคุยกันเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม เราคุยกันเรื่องกินเที่ยวเบี้ยวงาน แต่เมื่อถึงเรื่อง “ตรงนั้น” (เห็นมั๊ยคะ? ดิฉันยังไม่กล้าใช้คำว่า “อวัยวะเพศหญิง”) เราพยายามหลีกเลี่ยง เพราะสังคมไทยของเราปลูกรากฝังหัวกันมาว่า เป็นเรื่องหยาบ
แต่ถ้าาจะมองกันให้ยุติธรรมพอ เธอเป็น “เจ้าชีวิต” ของคนทั้งโลกเชียวนะคุณ มนุษย์หน้าไหนก็มุดหัวออกมาจาก “ตรงนั้น” กันเกือบทั้งนั้น (ถ้าไม่มีหมอช่วยจริงมั๊ย?) นอกจากเราจะหลบเลี่ยงไม่พูดถึง “ตรงนั้น” กันตรงๆ แล้ว แม้แต่จะส่องกระจกมอง “หน้าล่าง” กันชัดหลายๆ คนยังไม่กล้า

คุณส่องกระจกสำรวจ “อวัยวะเพศ” ของตัวเองครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?

เพราะผู้หญิงเรามีอวัยวะสืบพันธ์ุที่สลับซับซ้อนกว่าผู้ชายอยู่หลายขุม การส่องกระจกดูอวัยวะเพศของตัวเองในที่นี้ของดิฉันหมายถึง ดูกันจะๆ เห็นกันชัดๆ เอาไฟส่อง สำรวจตรวจตรา แหวกซ้าย แหวกขวา ยกขาถ่างกางดูความเรียบร้อยแบบเต็มๆ ตา การส่องกระจกดูความเป็นหญิงชัดๆ นอกจากจะถูกจัดอยู่ในช่วงเวลา Me Time ของดิฉันสืบเนื่องกระบวนการรักตัวเอง ชื่นชมตัวเองแล้วนั้น บ่ายวันหนึ่งมันทำให้ดิฉันค้นพบตัวเองว่า ริมฝีปากสองข้างที่เคยยิ้มได้พองามบนใบหน้าล่างของดิฉัน มันกลับดูเบี้ยวๆ เอาตรงๆ กันเลยล่ะนะ
“แคมสองข้างมันไม่เท่ากัน” สาวบางคนอาจคิดในใจตลกๆ ว่า “จู๋ผู้ชายยังไม่ตรงเล๊ยยย!!!” แต่ดิฉันกำลังจะพูดถึงอาการผิดปกติอย่างหนึ่งของผู้หญิงที่หลายๆ คนกำลังเผชิญอยู่และไม่กล้าบอกใคร และนี่คือ “Bartolin Cyst” ที่ดิฉันกำลังจะเขียนถึงต่อไปนี้

บาร์โธลิน ซีสท์ (Bartolin Cyst) คืออะไร?

นี่ไม่ใช่ Anatomy Class แต่ผู้หญิงควรทำความรุ้จักกับ “Bartolin” ซึ่งคือต่อมกลมๆ เล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ชั้นผิวหนังบริเวณสองข้างแคม (vulvar) ของผู้หญิงเรา มีทำหน้าที่ผลิตน้ำหล่อลื่นในช่องคลอดในขณะมีเพศสัมพันธ์ เมื่อบริเวณปากท่อของต่อมนี้เกิดการอุดตัน ของเหลวและน้ำเหลืองจะเกิดการคั่งค้างและก่อเกิดเป็นก้อนซีสท์ (Cyst) ขี้นได้ เริ่มจากขนาดเท่าเมล็ดถั่วแดงและสะสมขยายโตได้เท่าลูกองุ่นอิมพอร์ตพันธ์ดีๆ โรคนี้ไม่โหดร้ายเกินไปเพราะจะเกิดขึ้นทีละข้างค่ะ ซึ่งเราจะสามารถสังเกตได้ด้วยตาหรือมือสัมผัส
ก้อนซีสท์นี้จะก่อให้เกิดปัญหาเมื่อมีอาการอักเสบบวมแดงเพราะติดเชื้อ ผู้ต้องสงสัยวิเคราะห์กันว่าได้แก่ แบคทีเรีย E. Coli และ การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ STD (Sexual Transmitted Deseases)

เราอยู่ร่วมกันกับ “บาร์โธลินซีสท์” นี้ได้หรือไม่?

ตราบได้ที่ก้อนซีสท์ซ่อนตัวอยู่ในแคมของของเราอย่างสงบ ไม่มีการติดเชื้อและอักเสบใดๆ เขาก็ไม่รบกวนการดำเนินชีวิตประจำวันและชีวิตรักของเราเท่าใดนัก แต่หากวันใดงอแงอักเสบขึ้นมา คุณเอ๋ยยย…ความเจ็บปวดระดับสัมผัสเพดานค่ะ แพทย์จะแนะนำการรักษาโดยทำการกรีดผนังถุงน้ำ และเย็บผนังถุงน้ำยึดติดกับผิวหนัง เพื่อเปิดปากแผลให้เมือกไหลออกได้ (Marsupialization) มักไม่นิยมเลาะตัดถุงน้ำทั้งหมดเนื่องจากจะทำให้เลือดออกมาก

การดูแลตัวเอง และ การรักษา

ท่อมันอุดตันกันได้ไม่ใช่เรื่องปกติ แต่การป้องกันที่ดีไม่ให้ถุงซีสท์ที่แอบตุงอยู่บริเวณแคมข้างหนึ่งข้างใดของเราเกิดการติดเชื้อและอักเสบทำได้โดย หลีกเลี่ยงการติดเชื้อแบคทีเรีย E. Coli ที่มักพบมากในห้องน้ำสาธารณะ เมื่อจำเป็นต้องเข้าใช้ห้องน้ำสาธารณะโหดๆ เช่น ตามปั๊มน้ำมัน แนะนำให้กดชักโครกทิ้งไปก่อนใช้งาน หมั่นรักษาความสะอาด และ ป้องกันตัวเองเสมอเมื่ออยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เชื่อใจชายหน้าไหนไม่ได้นะคะคุณขา ทั้งขาประจำหรือเพื่อนหน้าใหม่ก็ตาม!!!

แต่ก่อนเราเคยได้ยินแต่คนพูดถึงแต่เรื่องมะเร็งปากมดลูก จะมีพวกเราซักกี่คนที่รู้ว่า ภายใต้แก้มขวาซ้ายของอวัยวะคว่ำหน้าจะซ้อนเร้นเจ้าต่อมอันนี้ไว้ วันดีคืนดีมีการอุดตันขึ้นมาก่อเกิดปัญหาได้ด้วย ดิฉันแอบเคืองระบบเพศศึกษาของบ้านเราที่ยังสอนกันแบบกระมิดกระเมี้ยน ไม่สอนในเรื่องที่ควรจะสอน

อย่ารอจนถึงวันที่ต้องพาตัวเองไปขึ้นขาหยั่งให้คุณหมอมือถือปากคีบ เอาไฟส่องหน้าหว่างขาของเรา หมั่นตรวจดูระดับน้ำในหม้อน้ำ และลมยาง ให้ดีเหมือนรถที่คุณขับขี่ หากวันใดคลำพบก้อนแข็งใต้แคมชาจจ์ หรือมีความสงสัยว่า น้องจิ๋มของเราดูเหงาหงอยเปลี่ยนไป อย่าได้ตื่นตระหนกตกใจ รู้ก่อนได้เปรียบกว่าเสมอค่ะ ให้รีบเปิดปากพูดคุยกับเพื่อนสนิท (ที่มีจิ๋มเหมือนกัน) ทันทีอย่าได้อาย เพราะการพูดถึง “ที่ลับ” ไม่ใช่เรื่องหยาบคายเสมอไป แต่เป็นบทสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ที่มีประโยชน์กว่าการนั่งเม้ามอย บลา บลา บลา ไร้สาระค่ะ

อันตรายที่มากับน้ำ อยากสวยไม่ควรเสี่ยง

มาแล้วววว!!!!!ยังไม่ลืมกันใช่ไหม เพราะในความเป็นจริงนั้นบอกเอาไว้เลยว่าการที่จะมีผิวที่สวยปัง และเป็นที่สะดุดตา มีหลากหลายวิธี แต่สิ่งเหล่านี้มักจะขึ้นอยู่กับความถนัดหรือว่าความสะดวกที่จะทำ แต่เอาจริงๆไหมมีอีกหนึ่งเรื่องที่เรียกได้ว่าใครที่อยากจะสวยอ่ะบอกเลยว่าต้องรู้

น่าจะมีหลายคนเคยได้ยินในเรื่องของการดื่มน้ำมาบ้างใช่ไหมละ ซึ่งแน่นอนว่าในเรื่องของการดื่มน้ำนั้น ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่สามารถจะช่วยในเรื่องของการดูแลผิวและร่างกายได้ดี เพราะจริงๆแล้วน้ำถือว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มาก อยากรู้ใช่ไหมละว่าน้ำมีประโยชน์อะไรที่น่าสนใจ ก็สามารถที่จะจำแนกให้เข้าใจได้ ดังนี้
ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิว
ช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยบนใบหน้า
ลดความแห้งกร้านของผิว
ชะลอความแก่
ลดการเกิดกลิ่นปาก

เอาเป็นว่านี่ถอเป็นเพียงแค่ประโยชน์คร่าวๆทำนั้น แต่เอาจริงๆอีกหนึ่งประโยชน์ก็คือในเรื่องของการช่วยเรื่องรูปร่าง เพราะการดื่มน้ำสามารถที่จะช่วยในเรื่องของการอยากอาหารได้ดี จนทำให้หลายคนหันมาดื่มน้ำมากขึ้น หรืออาจจะดื่มน้ำเกินความพอดี

ภาวะน้ำเกิน เกิดได้จากความเกินพอดีในการดื่มน้ำ!!!!!

มั่นใจว่ามีหลายคนที่ไม่รู้ ก็น่าจะเคยได้ยินกันมาบ้างว่า การทำอะไรที่เกินพอดีก็สามารถที่จะส่งผลเสียได้เหมือนกัน เอาจริงๆนะ พอบอกว่าน้ำสามารถที่จะช่วยในการลดน้ำหนักและดูแลผิวได้ ก็มีคนส่วนหญ่ที่อยากลดน้ำหนักและมีผิวสวยหันมาดื่มน้ำแทนข้าว ซึ่งผลลัพธ์ระยะสั้นอาจจะช่วยในเรื่องลดน้ำหนัก ดูแลหุ่น ช่วยผิวดีได้ก็จริง แต่รู้ไหม!?!?ผลลัพธ์ในระยะยาว น่ากลัวกว่าที่จะคาดไว้มาก เอาเป็นว่าจะอธิบายแบบพยายามให้เห็นภาพแล้วกัน

จริงๆการดื่มน้ำแน่นอนว่าเป็นสิ่งดี แต่รู้ไหมมีหนึ่งอวัยวะที่จะต้องทำงานกับน้ำอยู่แทบทุกๆครั้งที่ดื่ม นั่นก็คือ ไต ถ้าให้อธิบายหลักวิทยาศาสตร์ มันก็อาจจะยากมากเกินการทำความเข้าใจ เอางี้!!!มาลองเปรียบเทียบกับสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด เครื่องกรองน้ำ ทุกบ้านต้องมีอยู่แล้วแหละ ลองเปรียบเทียบดูนะ เครื่องกรองน้ำ ภายในจะมีระบบสำหรับการกรองน้ำ หรือจะเรียกว่าไส้กรองก็ได้ แล้วในการใช้แต่ละครั้งไส้กรองก็จะทำการดักจับฝุ่น เศษตะกอน หรืออาจจะเป็นอะไรที่ร่างกายไม่สามารถที่จะจัดการได้

ถ้าหากว่าใช้ไม่กี่ครั้ง ก็อาจจะไม่เป็นไร แต่ลองเปิดทุกวันๆและเปิดทั้งวันสิ แล้วหลังจากนั้นไปเปิดดูที่ไส้กรอง จะพบเลยว่าบริเวณนั้นมีแต่สิ่งสกปรก เพราะฉะนั้นถ้าอยากใช้อีกก็ต้องเปลี่ยนไส้กรองก็จบ แต่ฮัลโหลเธอ ลองนึกถึงสภาพไตของตัวเองที่ได้รับน้ำเยอะๆสิ แน่นอนว่าในเรื่องของรูปแบบก็อาจจะไม่ได้มีความต่างกันมาก ลองนึกดูดีๆว่าถ้าไส้กรองภายในไตดันเกิดตันขึ้นมา เธอจะทำยังไง ถอดเปลี่ยนหรอ ตั้งสตินะทำไม่ได้

ซึ่งความน่ากลัวมันจะอยู่หลังจากนั้นน่ะสิ เพราะภาวะที่จะเกิดหลังจากนี้เรียกได้ว่ามีตามมามากมาย อย่างแรกที่จะรู้เลยภาวะไตวาย และถ้าไตวายบ่อยๆก็จะทำให้ไตนั้น เสื่อมลง แต่ไม่ใช่เท่านั้นเพราะน้ำที่เป็นส่วนเกินอยู่ในร่างกายจะไม่ถูกขับออก ทำให้น้ำเหล่านี้ก็จะไปคั่งอยู่ในร่างกาย

และสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น ก็คือเรื่องของภาวะบวมน้ำ เธอมันไม่แค่การบวฉุแล้วดูน่ารักนะ อย่าเข้าใจผิด!!! เพราะถ้าหากว่าเป็นภาวะนี้แล้ว แนะนำว่าเธอเตรียมตัวเตรียมใจได้เลย เพราะเนื่องจากว่าจะไปบวมตามอวัยวะต่างๆ ไม่ได้เป็นทุกอวัยวะ ซึ่งถ้าหากว่าไปบวมเอาอวัยวะสำคัญของปอด เธอไม่ต้องคิดเลยว่าจะสุขสบาย เพราะมันคือความทรมานที่เธอจะต้องมีการระวังตัวอยู่ตลอดเวลา และแน่นอนปอดก็เหมือนฟองน้ำ และถ้าหากว่าน้ำเต็มหอด ก็จะทำให้ไม่สามารถที่จะแลกเปลี่ยนแก๊สหรืออากาศได้อีก

และสุดท้ายโบกมือลาชีวิตแสนสวยได้เลย หรือถ้าหากว่าไม่โบกมือลาชีวิต การอยู่ต่อคือความทรมานอย่างหนึ่ง เพราะแน่นอนว่าจะต้องถูกจำกัดปริมาณน้ำลงไปอีก และมีที่หลายคนไม่รู้ว่าถ้าหากว่าดื่มน้ำมากเกินความต้องการร่างกายไปบ่อยๆ ก็จะทำให้ร่างกายอยากน้ำอยู่เรื่อยๆ ถึงแม้ว่จะดื่มไปมากแล้วก็ตาม

เพราะฉะนั้นทางที่ดีที่สุด คือ น้ำดื่มได้ แต่แนะนำอยู่ในปริมาณที่พอดี อยากสวยเธอทำได้ แต่อย่ามากจนเกินไป และโดยเฉพาะกับน้ำ ในความเป็นจริง แค่ 8 แก้วต่อวันก็ถือว่าเพียงพอมากๆแล้ว ซึ่งถ้าอยากผิวดีก็ยังมีอาหารอย่างอื่นๆ ที่สามารถที่จะช่วยได้ เอางี้แล้วกันรอบหน้ามาเจอกันจะบอกแบบหมดเปลือกที่รู้มาเลย ว่าจริงๆแล้วอาหารตัวไหนให้ประสิทธิภาพมากมายในการบำรุงผิว และยังมีวิธีอีกมากมายที่อยากจะแนะนำ ดังนั้นอยากผิวดีกันไหมละ อย่าพลาดแล้วกัน

รอกันหน่อยนะสาวๆ

ปัญหา ปวดหัว ปวดเบ้าตา ปวดขมับ จากการทำงาน และ ความเครียด

ปัญหา ปวดหัว ปวดเบ้าตา ปวดขมับ จากการทำงาน และ ความเครียด
หาทางแก้ปัญหาอยู่มานาน เพราะเริ่มมีอาการ ปวดหัว บางที รู้สึกใช้สายตามากเกินไป
ลองเช็คอาการ ว่าคุณมีอาการ คล้ายๆ แบบนี้หรือไม่

มีอาการ ปวดเบ้าตา อ่านตัวหนังสือ บางทีต้องเพ่ง
มีอาการ ปวดหัวตึบๆ ไม่ได้เวียนหัวนะครับ ปวดหัวเหมือน ว่ามีความดันตึบๆ เหมือนสมองตื้อๆตันๆ
มีอาการ ปวดขมับด้วย ปวดตึบๆ เหมือนถูกบีบแน่นๆเข้ามา

ลองสำรวจตัวเองว่ามีอาการ 3 อย่างนี้หรือไม่ ?
ถ้ามีครบทั้ง 3 อย่าง คุณน่าจะเป็นอาการคล้ายๆผมแล้ว และถือว่ามาถูกทาง ที่เข้ามาเจอบทความที่ผมเขียนอันนี้นะครับ

ผมเลยตั้งข้อสังเกตให้กับตนเอง ว่าน่าจะเป็น อาการของ “ไมเกรน” กำเริบอีกหรือเปล่า ?
แต่พอไปอ่านมา ก็พบว่ามีอีก อาการหนึ่ง ที่คิดว่าอาจจะเป็นไปได้เช่นกัน เพราะว่า ดื่มเหล้าบ่อย อาการนี้ จะเป็นกับผู้ที่ดื่ม เครื่องดื่ม แอลกอฮอล เข้างานสังสรรค์
นั่นก็คือ อาการของ “ปวดศีรษะแบบคลัสเตอร์” ซึ่งไปลองหาอ่านจากบทความทางการแพทย์มาแล้ว มันจะปวดกระบอกตาลึกๆ
งานที่ผมทำ ต้องใช้สายตาเพ่งมองหน้าจอ คอมพิวเตอร์นานๆ เลยมีอาการแบบนี้ คือ ปวดเบ้าตา และ รู้สึกต้องเพ่งตัวอักษร ถึงจะเห็น เป็นอาการที่ไม่ค่อยดีเท่าไหร่