อย่าให้ “ที่ลับ” เป็นแค่เรื่องลับๆ

การพูดถึงเรื่องเกี่ยวกับที่ลับในที่แจ้ง ไม่ใช่เรื่องที่ผู้หญิงอย่างเราๆ พึงประสงค์ เราชอบคุยกันเรื่องเสื้อผ้าหน้าผม เราคุยกันเรื่องกินเที่ยวเบี้ยวงาน แต่เมื่อถึงเรื่อง “ตรงนั้น” (เห็นมั๊ยคะ? ดิฉันยังไม่กล้าใช้คำว่า “อวัยวะเพศหญิง”) เราพยายามหลีกเลี่ยง เพราะสังคมไทยของเราปลูกรากฝังหัวกันมาว่า เป็นเรื่องหยาบ
แต่ถ้าาจะมองกันให้ยุติธรรมพอ เธอเป็น “เจ้าชีวิต” ของคนทั้งโลกเชียวนะคุณ มนุษย์หน้าไหนก็มุดหัวออกมาจาก “ตรงนั้น” กันเกือบทั้งนั้น (ถ้าไม่มีหมอช่วยจริงมั๊ย?) นอกจากเราจะหลบเลี่ยงไม่พูดถึง “ตรงนั้น” กันตรงๆ แล้ว แม้แต่จะส่องกระจกมอง “หน้าล่าง” กันชัดหลายๆ คนยังไม่กล้า

คุณส่องกระจกสำรวจ “อวัยวะเพศ” ของตัวเองครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่?

เพราะผู้หญิงเรามีอวัยวะสืบพันธ์ุที่สลับซับซ้อนกว่าผู้ชายอยู่หลายขุม การส่องกระจกดูอวัยวะเพศของตัวเองในที่นี้ของดิฉันหมายถึง ดูกันจะๆ เห็นกันชัดๆ เอาไฟส่อง สำรวจตรวจตรา แหวกซ้าย แหวกขวา ยกขาถ่างกางดูความเรียบร้อยแบบเต็มๆ ตา การส่องกระจกดูความเป็นหญิงชัดๆ นอกจากจะถูกจัดอยู่ในช่วงเวลา Me Time ของดิฉันสืบเนื่องกระบวนการรักตัวเอง ชื่นชมตัวเองแล้วนั้น บ่ายวันหนึ่งมันทำให้ดิฉันค้นพบตัวเองว่า ริมฝีปากสองข้างที่เคยยิ้มได้พองามบนใบหน้าล่างของดิฉัน มันกลับดูเบี้ยวๆ เอาตรงๆ กันเลยล่ะนะ
“แคมสองข้างมันไม่เท่ากัน” สาวบางคนอาจคิดในใจตลกๆ ว่า “จู๋ผู้ชายยังไม่ตรงเล๊ยยย!!!” แต่ดิฉันกำลังจะพูดถึงอาการผิดปกติอย่างหนึ่งของผู้หญิงที่หลายๆ คนกำลังเผชิญอยู่และไม่กล้าบอกใคร และนี่คือ “Bartolin Cyst” ที่ดิฉันกำลังจะเขียนถึงต่อไปนี้

บาร์โธลิน ซีสท์ (Bartolin Cyst) คืออะไร?

นี่ไม่ใช่ Anatomy Class แต่ผู้หญิงควรทำความรุ้จักกับ “Bartolin” ซึ่งคือต่อมกลมๆ เล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ชั้นผิวหนังบริเวณสองข้างแคม (vulvar) ของผู้หญิงเรา มีทำหน้าที่ผลิตน้ำหล่อลื่นในช่องคลอดในขณะมีเพศสัมพันธ์ เมื่อบริเวณปากท่อของต่อมนี้เกิดการอุดตัน ของเหลวและน้ำเหลืองจะเกิดการคั่งค้างและก่อเกิดเป็นก้อนซีสท์ (Cyst) ขี้นได้ เริ่มจากขนาดเท่าเมล็ดถั่วแดงและสะสมขยายโตได้เท่าลูกองุ่นอิมพอร์ตพันธ์ดีๆ โรคนี้ไม่โหดร้ายเกินไปเพราะจะเกิดขึ้นทีละข้างค่ะ ซึ่งเราจะสามารถสังเกตได้ด้วยตาหรือมือสัมผัส
ก้อนซีสท์นี้จะก่อให้เกิดปัญหาเมื่อมีอาการอักเสบบวมแดงเพราะติดเชื้อ ผู้ต้องสงสัยวิเคราะห์กันว่าได้แก่ แบคทีเรีย E. Coli และ การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ STD (Sexual Transmitted Deseases)

เราอยู่ร่วมกันกับ “บาร์โธลินซีสท์” นี้ได้หรือไม่?

ตราบได้ที่ก้อนซีสท์ซ่อนตัวอยู่ในแคมของของเราอย่างสงบ ไม่มีการติดเชื้อและอักเสบใดๆ เขาก็ไม่รบกวนการดำเนินชีวิตประจำวันและชีวิตรักของเราเท่าใดนัก แต่หากวันใดงอแงอักเสบขึ้นมา คุณเอ๋ยยย…ความเจ็บปวดระดับสัมผัสเพดานค่ะ แพทย์จะแนะนำการรักษาโดยทำการกรีดผนังถุงน้ำ และเย็บผนังถุงน้ำยึดติดกับผิวหนัง เพื่อเปิดปากแผลให้เมือกไหลออกได้ (Marsupialization) มักไม่นิยมเลาะตัดถุงน้ำทั้งหมดเนื่องจากจะทำให้เลือดออกมาก

การดูแลตัวเอง และ การรักษา

ท่อมันอุดตันกันได้ไม่ใช่เรื่องปกติ แต่การป้องกันที่ดีไม่ให้ถุงซีสท์ที่แอบตุงอยู่บริเวณแคมข้างหนึ่งข้างใดของเราเกิดการติดเชื้อและอักเสบทำได้โดย หลีกเลี่ยงการติดเชื้อแบคทีเรีย E. Coli ที่มักพบมากในห้องน้ำสาธารณะ เมื่อจำเป็นต้องเข้าใช้ห้องน้ำสาธารณะโหดๆ เช่น ตามปั๊มน้ำมัน แนะนำให้กดชักโครกทิ้งไปก่อนใช้งาน หมั่นรักษาความสะอาด และ ป้องกันตัวเองเสมอเมื่ออยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เชื่อใจชายหน้าไหนไม่ได้นะคะคุณขา ทั้งขาประจำหรือเพื่อนหน้าใหม่ก็ตาม!!!

แต่ก่อนเราเคยได้ยินแต่คนพูดถึงแต่เรื่องมะเร็งปากมดลูก จะมีพวกเราซักกี่คนที่รู้ว่า ภายใต้แก้มขวาซ้ายของอวัยวะคว่ำหน้าจะซ้อนเร้นเจ้าต่อมอันนี้ไว้ วันดีคืนดีมีการอุดตันขึ้นมาก่อเกิดปัญหาได้ด้วย ดิฉันแอบเคืองระบบเพศศึกษาของบ้านเราที่ยังสอนกันแบบกระมิดกระเมี้ยน ไม่สอนในเรื่องที่ควรจะสอน

อย่ารอจนถึงวันที่ต้องพาตัวเองไปขึ้นขาหยั่งให้คุณหมอมือถือปากคีบ เอาไฟส่องหน้าหว่างขาของเรา หมั่นตรวจดูระดับน้ำในหม้อน้ำ และลมยาง ให้ดีเหมือนรถที่คุณขับขี่ หากวันใดคลำพบก้อนแข็งใต้แคมชาจจ์ หรือมีความสงสัยว่า น้องจิ๋มของเราดูเหงาหงอยเปลี่ยนไป อย่าได้ตื่นตระหนกตกใจ รู้ก่อนได้เปรียบกว่าเสมอค่ะ ให้รีบเปิดปากพูดคุยกับเพื่อนสนิท (ที่มีจิ๋มเหมือนกัน) ทันทีอย่าได้อาย เพราะการพูดถึง “ที่ลับ” ไม่ใช่เรื่องหยาบคายเสมอไป แต่เป็นบทสนทนาแลกเปลี่ยนความรู้ที่มีประโยชน์กว่าการนั่งเม้ามอย บลา บลา บลา ไร้สาระค่ะ

ภาษาไทยไม่ได้มีแค่ I กับ You

“เจ๊ เจ๊ เจ๊ เอาส้มตำปูปลาร้า หรือปูม้าอย่างเดียว”
“น้า น้า ช่วยเขยิ่บเข้าข้างในหน่อยครับผม”

ให้ตายสิ…ดิฉันแอบเคืองๆ คันๆ ไม่ได้เมื่อถูกเรียกด้วยสรรพนามไม่พึงประสงค์บ่งบอกอายุกันแบบไม่เกรงใจ และลำบากใจกับการเลือกใช้คำสรรพนามเรียกชื่อตัวเอง เรียกคนอื่นที่กำลังสนทนาด้วยเป็นยิ่งนัก เมื่อก่อนตอนเด็กๆ พูดกับพ่อกับแม่ กับครูบาอาจารย์เรียกตัวเองว่า “หนู” ก็ดูน่ารักน่าเอ็นดูดี พูดกับเพื่อนๆ ที่โรงเรียนเรียกกันว่า “เธอกับฉัน” แอบๆ ใช้ภาษาพ่อขุนกับอยู่บ้าง เรียกคนอื่นทั่วๆ ไปก็ไล่อายุกันไป “พี่ ป้า น้า อา ตา ยาย” ก็ดูอบอุ่นตามวัฒนธรรมเครือญาติของไทย แต่ครั้นเรียนหนังสือจบ ทำงานเป็นผู้ใหญ่ ผ่านเลยวัยเบญจเพศมาสองสามไฟแดง เอาสิ…ไปไหนมาไหน ชักมีแต่คนเรียก “พี่” สังคมก็เริ่มเปลี่ยนไป เพราะต้องพบปะปฏิสันถารกับคนด้วยหน้าที่การงาน แล้วคราวนี้ดิฉันจะใช้คำสรรพนามอะไรดีจึงจะเหมาะสม?
สังคมนับญาติ

สังคมไทยมีวัฒนธรรมนับญาติ (ทั้งที่ไม่ใช่ญาติ) มาเนิ่นนานในอดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมีรากฐานมาจากการช่วยเหลือเกื้อกูลซึ่งกันและกันเสมือนหนึ่งญาติมิตร ในสังคมตะวันตกก็มีการนับพี่นับน้อง (Brotherhood) เช่นกัน แต่ไม่ชัดเจนเท่ากับสังคมของไทยเรา เวลาไปตลาดซื้อของ เรียกกันพี่กันน้องก็รับกันได้ แม้คนขายบางเจ้ามันหน้าแก่กว่าซะอีกแต่ดันมาเรียกกันว่า “พี่” ก็ยอมๆ กันไป

ปัจจุบันธุรกิจในบ้านเรา แข่งกันเพิ่มมูลค่า หาความแตกต่าง ฝึกพนักงานแถวหน้าของตนสร้างความประทับให้กับผู้เข้ามาใช้บริการ ตั้งแต่ยกมือไหว้ลูกค้าอย่างนอบน้อม กล่าวสวัสดีคะขา ใช้มธุรสวาจากันมากขึ้น
สรรพนามที่ใช้เรียกแบ่งตามบทบาทกันไป เช่น “ลูกค้า” “คนไข้” “ผู้โดยสาร” หรือเรียกกันว่า “คุณผู้หญิง” หรือ “คุณผู้ชาย” ก็สุภาพดี จะเห็นได้ว่า สังคมยุค Modern Family มีการเว้นช่องว่างความสนิทสนมกับคนนอกบ้านไว้พอประมาณ จริงๆ ฟังดูเป็นการให้เกียรติผู้ใช้บริการมากขึ้นโดยไม่ตีตัวสนิทสนมจนเกินควร

ผู้ชายง่ายกว่าผู้หญิง

ผู้ชายผูกขาดคำว่า “ผม” มาตั้งแต่วัยเด็กจนโต และยังคงใช้ได้กับทุกสถานะการณ์และกับทุกคู่สนทนาอย่างมีความเป็นสุภาพชน แต่ก่อนดิฉันเป็นคนชอบแอบหักคะแนนผู้ชายที่ชอบเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อ “อ๊อดอย่างนั้น” “อ้นอย่างนี้” “หมีอย่างโน้น” สาวบางคนอาจจะชอบและบอกว่าฟังดูอ้อนๆ ดีออก แต่ไม่ค่ะ…ต้องไม่ใช้เวลาออกเดทกับสาวใหม่ๆ มันต้อง Man up! โชว์ความเป็นสุภาพบุรุษลูกผู้ชายให้เกิดความประทับใจกันก่อน

การเลือกสรรพนามเรียกชื่อตัวเองของผู้หญิงค่อนข้างจะ tricky เพราะมีระดับความละเอียดอ่อนอยู่ในความเหมาะสมในแต่ละสถานะการณ์และผู้ร่วมสนทนาแยกแยะกันออกไป เริ่มจาก…หนู น้อง หรือเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่นที่คนมักนิยมใช้กัน

คนที่เรียกแทนตัวเองว่า “หนู” แสดงตัวตนต่อคู่สนทนาในลักษณะที่ด้อยกว่าทางสถานะภาพ หรือด้วยความอาวุโส เพื่อแสดงความเคารพต่อคู่สนทนา ในทางกลับกัน สามารถทำให้คู่สนทนารู้สึกดีมีอำนาจเหนือกว่า เป็นจิตวิทยาช่วยฉีดอีโก้ตัวหนึ่งให้งานบริการบางอย่างได้เหมือนกัน

ผู้หญิงส่วนมากมักเรียกแทนตัวเองด้วยชื่อเล่น “เจี๊ยบอย่างนี้” “จุ๋มอย่างนั้น” “จิ๋มอย่างโน้น” แต่หากคุณต้องไป Luncheon สนทนาภาษาธุรกิจล่ะ มันสมควรแล้วหรือ??? ดิฉันกระดากปากมาก เลยเลี่ยงมาใช้ชื่อจริงของตัวเองเรียกแทนตัวเองมันซะเลยเวลาติดต่อธุรกิจ สามพยางค์ง่ายๆ ไม่น่าเกลียด (แต่ถ้าชื่อยาวๆ อย่าง กชนีย์ศรีนพรัตน์ คงไม่ไหว) มีลูกค้าหนุ่มบริษัทข้ามชาติคนหนึ่งแอบมากระซิบบอกภายหลังว่า “ผมชอบที่คุณเรียกชื่อตัวเองด้วยชื่อจริง..ไม่ใช่ชื่อเล่น” เลยเป็นข้อยืนยันให้ดิฉันเรียกแทนตัวเองแบบนั้นเรื่อยมา

“ฉัน” vs “ดิฉัน”

“ฉัน” ที่เราพากันออกเสียงว่า “ชั้น” ดูเหมือนจะกลายเป็นสรรพนามเรียกชื่อที่มีดีกรีความสุภาพลดลงคุณว่ามั๊ย? ฟังดูจะกร่างๆ ไม่อ่อนน้อมถ่อมตน ใช้กับการติดต่อธุรกิจแทบจะไม่ได้เลย ซึ่งเมื่อเปลี่ยนมาเป็นคำว่า “ดิฉัน” ระดับการสื่อสารมันจะดู sophisticate ,มากขึ้น แต่ดิฉันโดนวิพากษ์วิจารณ์จากเพื่อนสาวบ่อยๆ ว่ามันฟังดูดัดจริตและเป็นทางการเกินไป แต่ดิฉันว่า มันเหมาะสมที่สุดและสุภาพที่สุดแล้วที่จะเป็นสรรพนามบุรุษที่ 1 สำหรับผู้หญิงที่ใช้ในการติดต่อการงานกับผู้คนทั่วไปที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน

ดูตาม้าตาเรือก่อนนับญาติใคร

จากประสบการณ์ที่ขุ่นเคืองดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องของดิฉันเมื่อครั้งโดนเรียกว่า “น้อง” ในขณะโทรศัพท์ติดต่อจองโรงแรมที่ต่างจังหวัดโรงแรมหนึ่ง เดาว่าเสียงดิฉันเด็กกว่าหน้า แต่เอ…นี่หล่อนเป็นพนักงานของโรงแรมควรเรียกแขกที่จะจองโรงแรมว่า “คุณ หรือ “พี่” ถ้าจะตีซี้กันจะเหมาะกว่าจริงมั๊ย? ดิฉันถามชื่อคนรับโทรศัพท์วันนั้นไว้

เมื่อเดินทางไปถึงพบว่า โรงแรมนี้ไม่ใช่โรงแรมภูธรประจำจังหวัดอย่างที่คิดเลยนะคุณ ภายในล็อบบี้มีการตกแต่งประดับประดาด้วยปูนปั้น และกลิ่นอายของสถาปัตยกรรมยุโรป งานศิลป์ที่ผนังข้างฝาได้ถูกเลือกสรรอย่างมีรสนิยมอย่างดีทีเดียว ในขณะรอเช็คอิน ดิฉันรีบถามหาพนักงานคนที่รับโทรศัพท์ในวันนั้น ปรากฏว่า เธอคือคนที่เคาเตอร์นั่นแหละ แต่…เธอไม่ใช่พนักงานค่ะ เธอเป็นเจ้าของโรงแรมค่ะคุณขา! ดูเหมือนเธอจะไม่ยอมหยุดเรียกดิฉันว่า “น้อง” แม้เห็นตัวเป็นๆ กันแล้วก็จริง ดิฉันไม่ยอมให้ความขุ่นมัวอยู่ในใจนานๆ เสียสุขภาพจิตเพราะดูจากหน้าตาเธอไม่น่าจะแก่กว่า จึงยอมเสียมารยาทถามอายุเธอไป ปรากฏว่าเราอายุเท่ากันค่ะ จะคิดให้บวกคือเธอชมกันว่าหน้าเด็ก แต่นี่เป็นการติดต่อกันฉันธุรกิจระหว่างโรงแรมกับแขกผู้มาพัก มานับญาติเรียกกันว่า “น้องๆๆๆ” ไม่ขาดปากแบบนี้ดิฉันว่า มันไม่สมควรและไม่เป็นมืออาชีพ!!!

ด้วยเพราะภาษาไทยไม่ได้มีแค่ I กับ You การเลือกบุรุษสรรพนาม (Personal Pronoun) จึงควรให้เหมาะสมกับบทบาท สมเพศ สมวัย ถูกใจผู้ฟัง ใช้เป็นยาหอมซ่อนศิลปะในการสื่อสารให้กับการสนทนาให้ระรื่นหู นำไปสู่ประตูความสำเร็จในการเจรจาต่อรองใดๆ เลือกใช้กันให้เป็นกันนะคะ เพราะ ปากเป็นเอก เสกเสน่ห์ให้ตัวเองได้เสมอ

เพราะเงินนั้นไม่สำคัญฉะนี้

เมื่อวันก่อนดิฉันเดินผ่านไปเห็นสาวน้อยน้องนางบ้านนาหน้าตาดีคนหนึ่ง ยืนจ้องป้ายประกาศรับสมัครงานแปะไว้ที่หน้าห้องแถว “รับเด็กล้างจาน 1 ตำแหน่ง” ที่ให้ค่าตอบแทนต่ำมาก ชนิดซื้อรองเท้าสวยๆ ซักคู่ยังแทบไม่ได้เลย เธอจดจ่ออยู่กับการจดเบอร์โทรศัพท์ติดต่ออย่างตั้งอกตั้งใจเหมือนอยากจะได้งานนี้เป็นอย่างมาก ดิฉันแอบนึกสงสัย….

”ล้างจานได้เงินแค่เนี้ยนี่อ่ะนะ จะพอกินมั๊ยหนูเอ๊ยยย?”

คนตีค่าของเงินที่ตรงไหน?

ถ้าจะให้ดิฉันเดา…คงตีราคาตามต้นทุนชีวิตของพวกเขาในแต่ละคนต่อหน่วยเวลา บ้านเช่า ข้าวซื้อ ไหนจะค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าอินเตอร์เน็ต ยิ่งพวกสาว High Maintenance ค่าดูแลรักษาสูงทั้งหลาย สระผมเองไม่เป็น ทำเล็บเองไม่เป็น วิ่งตาม Trend ใครมีอะไรมีด้วย ใครใช้อะไรใช้ด้วย เอาตัวอิง Brand เพื่อสร้าง Identity ให้ตัวเอง กลุ่มสาวพวกนี้ “เงิน” จะมีค่ากับพวกเธอมาก เห็นตัวอย่างมาหลากหลาย บางคนมีหน้าที่การงานและตำแหน่งดี ได้เงินเดือนสูงๆ คอยรักษาไลฟ์สไตล์ในรูปแบบ Roof Top ที่พวกเธอชอบ จะมีผู้หญิงส่วนใหญ่ในระดับกลางถูกกดดันอยู่ในระหว่างสังคมบนที่อยากจะเป็น และ สังคมล่างที่วิ่งหนี พวกเธอเป็นสาวออฟฟิศธรรมดาๆ แต่ทนต้านแรงอิทธิพลลัทธิ “Consumptionism” ในยุคโลกาภิวัฒน์ (Globalisation) ไว้ไม่ได้ เธอจึงดูเหมือนจะพยายามโยนลูกบอลสามสี่ลูกขี้นบนอากาศ รับลูกนี้ โยนลูกนั้น อย่างไม่หยุดหย่อน เพื่อตอบสนองความอยากทางด้านวัตถุ โดยหวังว่าตนนั้นจะเก่งพอที่จะไม่พลาดทำลูกบอลใดลูกหนึ่งตกพื้น

พอนึกย้อนกลับมาถึงน้องนางบ้านนาคนนั้น เงินจากงานล้างจานที่เธอดูเหมือนกระตือรืนร้นอยากจะได้ เพียงแค่พออยู่พอใช้ (งานนี้กินฟรีอยู่ฟรีตามป้ายที่บอกค่ะ) แถมอาจจะพอมีเหลือส่งกลับไปเลี้ยงพ่อแม่ที่บ้านนอกได้อีกเสียด้วยซ้ำ ดิฉันมันพวกชอบคิดต่างและมองหาสิ่งดีๆ ในโอกาสเสมอ จึงคิดไปว่า ทำไมเราไม่มองไปที่คุณค่าของงานที่ได้ทำ?

ค่าของ “งาน”

ไม่แปลกหากปกติชนคนทั่วไปจะคิดว่า “งานคือเงิน…เงินคืองานบันดาลสุข” แต่จะมีใครบ้างที่มองมุมกลับและคิดว่า “งาน” คือ แต้มคะแนนที่เราสะสมในเกมชีวิตชั่วชีวิต บางครั้งได้เป็นเงินไปแลกข้าวกินได้ บ้างเอาไปช่วยเหลือเกื้อกูลคนในครอบครัว บ้างเป็นเหรียญแห่งความอิ่มเอมใจที่ได้ทำ บ้างเป็นสายสะพายแห่งความท้าทาย งานบางงานดูเหมือนชั้นต่ำให้ค่าตอบแทนห่วยๆ เหมือนงานล้างจ้างที่กำลังพูดถึง แต่นั่นอาจเป็นคะแนนความกตัญญูของเด็กหญิงภูธรคนหนึ่งที่เข้ากรุงมุ่งมาหาโอกาสชีวิต เพื่อแบ่งปันจุนเจือให้ครอบครัวของเธอ

อีกมุมกลับ…ดิฉันได้ยินเพื่อนสาวบางคนได้เงินเดือนหลักแสน แต่ไม่มีความสุขกับงานที่เธอทำ คอยวิ่งมองหางานใหม่ที่ตำแหน่งดีกว่า จ่ายมากกว่า ที่นู่นที่นี่ เพื่อเธอจะสามารถนำเงินที่ได้นั้นมาจ่ายค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ จ่ายค่าบัตรเครดิต ถอยกระเป๋ารองเท้าใหม่ทุกเดือน กินหรูทุกมื้อ งานค่าตอบแทนสูงที่เธอกำลังทำอยู่ดูเหมือนยังไม่มีค่าพอในสายตา

เมื่องานไม่ใช่เงิน เงินไม่ใช่งานเสมอไป

คุณค่า (Values) สำคัญๆ ในการดำรงชีวิตของมนุษย์นั้นแตกต่างกันไปแต่ละบุคคล ที่จะเลือกเรียงลำดับก่อนหลังตามที่ตนให้ความสำคัญ ดิฉันเคยถามตัวเองว่า คุณค่าที่สำคัญที่สุดในการมีชีวิตอยู่ของเราคืออะไร? คำตอบคือ “อิสรภาพ” อิสระเสรีภาพในการเลือกใช้ชีวิต ในการเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อ ในการที่จะทำตามใจปรารถนา ซึ่งคำตอบในใจของแต่ละคนล้วนต่างกัน การนำเอาคุณค่าบางอย่างที่สำคัญไปให้เงินตัดสินเพียงอย่างเดียว จะทำให้เราตกเป็นทาสของเงินตราไปตลอดชีวิต หาได้เท่าไหร่ดูเหมือนจะไม่พอ เพราะความต้องการ อยากนั่นอยากนี่มีไม่สิ้นสุด

ใครจะรู้บ้างว่า สมัยโบราณเมื่อหลายร้อยปีมาแล้ว มนุษย์เราเคยใช้ “ขี้ค้างคาว” (Bat Guano) แทนเงินในการแลกเปลี่ยนซื้อสินค้ามาก่อน เพราะ ขี้ค้างคาวสมัยนั้นใช้เป็นปุ๋ยในการเกษตรได้เป็นอย่างดีเยี่ยม ขี้ค้างคาวจึงเคยมีค่าเป็นเงินตรากับมนุษยโลกเพราะคุณประโยชน์ที่มีให้ เงินค่าจ้างอันต่ำต้อยน้อยค่าอาจดูไร้ความหมายสำหรับคนต้นทุนชีวิตสูง เพราะความฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย ยืนแกว่งแขวนตัวอยู่ในจุดเสี่ยง แต่มันอาจเป็น Token สำคัญสำหรับใครบางคนในอีกความหมายหนึ่ง ที่ดำรงชีวิตเรียบง่าย พอเพียง ที่คนไม่รู้จักพออาจจะไม่เข้าใจ

ความสัมพันธ์ฉันท์ตัวเอง

นั่งงม นอนงม จมกองเอกสารติดต่อกันมาหลายวัน อยากปั่นให้งานเสร็จไวๆ เพราะใจดิฉันมันลอยไปเกาะรอกนอก รอกใน ในท้องทะเลอันดามันเสียแล้ว ตั้งใจว่าหยุดพักผ่อนคราวนี้จะหลุดแผ่นดินใหญ่หายวับไปในน่านน้ำสีฟ้าซักพัก ก่อนกองทัพนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศจะเริ่มหลั่งไหลเขามาในเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

นั่งหันหลัง มองไปที่ทะเลสีฟ้า

มนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ อย่างดิฉันไม่ขอยอมเป็นมนุษย์ไร้คุณภาพชีวิต ต้องขอกินดี อยู่ดี เที่ยวดี มีความสุข กินดีของดิฉันไม่ใช่การสรรหาอาหารหรูกินนอกบ้าน แต่อาจเป็นหัวดอกกระหล่ำนึ่งโรยเกลือกินกับน้ำเต้าหู้ อยู่ดีของดิฉันไม่ใช่มีบ้านหลังโอ่อ่า แต่ต้องเป็นบ้านที่สะอาดและมีอากาศถ่ายเท เที่ยวดีของดิฉันไม่ใช่ไปต่างประเทศ แต่เป็นที่ไหนก็ได้ที่สงบ และได้ประสบการณ์ใหม่ๆ

เวลาคุณภาพให้ตนเอง

เพราะ Mind Body & Soul ของเรานั้นต้องทำงานร่วมกันและส่งผลกระทบไปถึงกันและกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราจึงต้องหมั่นคอยดูแลรักษาความสมดุลย์ระหว่าง 3 องค์ประกอบหลักคือ ร่างกาย จิตใจ และ จิตวิญญาณ ให้ได้ดีที่สุด ช่วงจังหวะชีวิตในแต่ละวัน ภาระกิจหน้าที่และความรับผิดชอบ อาจทำให้คานที่ควรจะสมดุลย์โอนเอียงไปบ้าง แต่สำนึกในชั่วขณะเวลาของเราจะดึงเรากลับมา ว่าแล้ว…ดิฉันก็ปล่อยมวยผมที่มัดอยู่บนหัวเหมือนรังนก สะบัดสยายออกเป็นอิสระ เป็นการบอกตัวเองเป็นนัยว่า “พอแล้ววันนี้” ลุกขึ้นยืน บิดเอวซ้ายทีขวาที ย่อเข่า โก่งก้นที่นั่งบนเก้าอี้เสียนานจนชา เอี้ยวตัวแตะตาตุ่มซ้ายย้ายมาตาตุ่มขวา “ME time? Yes!!!” คว้าผ้าขนหนูทันใด จัดชุดวันเกิดให้ตัวเอง เปิดน้ำอุ่นๆ คลอเสียงเพลงของ Antonio Zambujo นักร้องหนุ่มหน้าเข้มชาว Portuguese ที่ดิฉันชอบหลับตาพริ้มนึกถึงทุกครั้งที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัว (เชื่อว่ามีสาวคิดซุกซนแบบนี้เหมือนๆ กันบ้างล่ะนาาา)

ME time นั้นสำคัญ

ว่ากันถึงเรื่องของ “ME time” หรือการให้เวลากับตัวเองนั้น ดิฉันให้ความสำคัญและลงทุนกับเรื่องนี่มาก ชีวิตเราในยามตื่นวุ่นวายอยู่กับเรื่องของคนอื่นนอกบ้านมามากพอ เมื่อเวลาที่พันธนาการเหล่านั้นสิ้นสุดลงด้วยข้อกำหนด ใครหน้าไหนก็ลากดิฉันไปไม่ได้ค่ะ (นอกจาก Mr. Zambujo) เวลาคุณภาพนี้เป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่เราควรมอบให้แก่ตัวเองเมื่อมีโอกาส บางคนอาจชอบออกไปนอนให้คนนอกบ้านหามแห่ นอนกางแข้งกางขาสบายๆ ให้นวด แต่สำหรับดิฉันการเพียงได้นั่งทำเล็บ ขัดขี้ไคล พอกหน้าด้วยตัวเอง ใส่ใจลงรายละเอียดกับตัวเอง และเห็นตัวเองชัดๆ ไม่ว่าจะเป็นขี้เล็บเอย จุดดำๆ บนใบหน้าที่บ่งบอกการทำงานหักโหมของเม็ด Melanin ใต้ผิวทั้งหลาย เหล่า “Laugh Lines” หรือหลักฐานแห่งความสุขและเสียงหัวเราะที่ปรากฏตามร่องแก้ม หางตา ที่เราต่าง

พาเรียกกันซะเสียหายว่า “ตีนกาและดงเหยี่ยว” เวลาเห็นกันจะๆ มันทำให้เกิด “ความสัมพันธ์ฉันท์ตัวเอง” ที่มีคุณค่ามากเกินอธิบายนะคุณนะ ดิฉันจึงยินดีลงทุนกับทุกเรื่องของ กระบวนการ “รักตัวเอง” ดูแลตัวเองให้ดูดีและรู้สึกดีกับตัวเองที่สุดเสมอ แสงเทียน ในมุมสลัว

เมื่อเปิดก๊อกน้ำพาให้นึกถึงสบู่ที่แอบพากลับไทยมาด้วยครั้งไปทัวร์ยุโรปเมื่อปีก่อน คุณเอ๋ยยย…ของใช้ในโรงแรมที่ฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นสบู่ แชมพู ครีมนวด ที่จัดวางไว้ให้ล้วนดีเลิศประเสริฐศรี มันเป็นรายละเอียดของการให้บริการที่สำคัญยิ่งที่ทำให้แขกผู้มาเยือนประทับใจ (จนอดใจแอบขอเอากลับบ้านมาเป็นของที่ระลึกไม่ได้) ที่ขาดไม่ได้เลยในกระบวนการ “รักตัวเอง” ของดิฉันคือ การบำบัดด้วยกลิ่น (Aromatherapy) จะเป็นเทียนหอม หรือ Essential Oil กลิ่นแมกไม้ สมุนไพรนานา หยดใส่ Burner หรือแบบชนิดมี Tea Light จุดให้แสงสลัวอยู่ใต้ Wax Melt Warmer งานดินเผาฝีมือคนไทยจาก OTOP ได้หมด สดชื่นหมด…ไม่เกี่ยงค่ะ

แวะชื่นชมงานศิลปะ

หลังดื่มด่ำเสร็จสรรพตามจินตนาการสีดาลงสรงจนสาสมแล้ว การออกไปเดินเล่นดูภาพวาดสวยๆ แปลกๆ แนว Abstract ใน Art Gallery และตระเวณดูตึกรามบ้านช่อง หน้าจั่ว หลังคา ประตูหน้าต่าง แนว Art Nouveou ร่วมสมัย ไปเพลินๆ ในยามบ่ายแดดร่มลมตก เป็นการออกกำลังและผ่อนคลายที่ไม่เลวที่เดียว จุดหมายปลายทางต่อไป…ถนนพระอาทิตย์ที่โปรดปรานในการแวะหาจิบ Cocktail เก๋ๆ ซักแก้วสองแก้ว แถมฝึกภาษาอังกฤษทักทายนักท่องเที่ยวนั่งข้างๆ ตามอัธยาศัย

“To have a positive state of mind, you need to be well in your body and happy in the way you interact with the world,” เป็นคำกล่าวของศาสตราจารย์ Bernard Hickie แห่งมหาวิทยาลัย Sydney ซึ่งดิฉันเทคะแนนให้และเห็นด้วยเป็นที่สุด ภาวะจิตใจที่ดีและเป็นบวกนั้น ย่อมต้องมาจากสุขภาพร่างกายที่ได้รับการดูแลที่ดี และเลือกโต้ตอบและปฏิสันถารกับโลกนี้ในวิถีทางของเราอย่างมีความสุขที่สุด

ดูแลผิวให้เหมาะสมกับวัย ช่วยชะลอความแก่ลงไปได้มากพอสมควร

คนเราเมื่อมีอายุมากขึ้นแน่นอนว่าทุกๆสิ่งทุกๆอย่างย่อมเสื่อมลงไปตามกาลเวลา และแน่นอนว่าเมื่อสิ่งต่างๆเหล่านี้เสื่อมลงไปตามกาลเวลาแล้วก็ยากที่จะเอากลับคืนมาให้ได้เป็นเหมือนเดิม หรืออาจจะบอกได้อีกอย่างว่าไม่สามารถที่จะเอากลับคืนมาให้เป็นเหมือนเดิมได้แล้วนั่นเอง

เพราะฉะนั้นทางที่ดีก็ควรที่จะต้องรู้จักดูแลรักษาสิ่งต่างๆเหล่านี้เอาไว้ ไม่ว่าสิ่งเหล่านี้นั้นจะมีความสำคัญมากน้อยเพียงใดก็ควรที่จะดูแลรักษาเอาไว้เช่นกัน แต่การที่จะดูแลรักษาได้ก็ควรที่จะต้องทำตามวิธีการดูแลรักษาให้ถูก เพื่อให้สิ่งเหล่านั้นยังมีประสิทธิภาพอยู่

แบบเดียวกันกับผิว ที่ยังต้องการได้รับการดูแลรักษาให้เหมาะสม

หลายคนอาจจะสงสัยว่าแล้วเราจะดูแลผิวให้เหมาะสมได้อย่างไร แน่นอนว่าการแบ่งรูปแบบหรือประเภทของผิวนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่เราจะรู้จักมักจี่กันดีอยู่แล้ว แต่ทั้งนี้ยังมีอีกหนึ่งรูปแบบที่จะช่วยให้เราสามารถที่จะดูแลผิวได้ถูกต้องและทำให้ผิวนั้นยังมีประสิทธิภาพได้เหมือนเดิม นั่นก็คือการเลือกดูแลให้เหมาะสมกับวัย

จริงๆแล้วการดูแลผิวให้เหมาะตามอายุนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่สมควรเป็นอย่างมาก และมีหลายคนที่อยากจะทราบว่าแล้วจะแบ่งประเภทอายุออกเป็นอย่างไรบ้างและมีวิธีการดูแลแบบใด เพราะฉะนั้นอย่ารอช้ามาเริ่มกันเลยดีกว่า

วัยรุ่น วัยนี้นั้นอาจจะเป็นวัยที่ไม่จำเป็นต้องดูแลอะไรมาก เนื่องจากว่าระบบภายในร่างกายยังสามารถที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะฉะนั้นทางที่ดีควรที่จะเรียนรู้วิธีการดูแลผิวที่ไม่ทำให้เกิดแผลเป็น รวมไปถึงลดอาการหน้ามัน

หลังจากอายุ 20 ซึ่งถ้าหากว่าอายุเริ่มเลข 2 ขึ้นมาแล้วนั้นก็แนะนำว่าให้พยายามขัดหรืออาจจะทำการพอกครีมหรือตัวช่วยต่างๆในทุกๆสัปดาห์ รวมถึงนอกจากนี้ควรพยายามที่จะปกป้องผิวจากแสงแดดเพื่อไม่ให้ถูกทำลายมากจนเกินไป

อายุ 30 ขึ้นไป โดยสำหรับวัยนี้นั้นก็จะเป็นวัยที่ความมันบนใบหน้าเริ่มลดลงแต่จะพบเจอกับความแห้งและเหี่ยว ดังนั้นก็ควรที่จะมีวิธีการบำรุงที่เหมาะสม หรือถ้าหากว่าใครที่แต่งหน้าก็แนะนำว่าให้เลือกเครื่องสำอางที่เหมาะกับผิวหน้าแห้ง และแนะนำเลยว่าให้พยายามกินวิตามินซีให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น

หลักเลข 4 ถือเป็นวัยที่สำคัญของสาวๆ ซึ่งผิวหนังนั้นก็จะแห้งมากกว่าตอนอายุ 30 ซึ่งนอกจากนี้แล้วก็ยังจะพบเจอริ้วรอยที่เกิดขึ้นกับคนผิวหนังได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นทางที่ดีแนะนำว่าลองใช้ครีมหรือตัวช่วยที่มีส่วนผสมของน้ำมัน เพื่อให้เกิดความชุ่มชื้นแก่ผิว

เลข 5 ก้าวเข้ามา แน่นอนว่าเมื่อถึงเลขนี้แล้ว ระบบที่มีความเกี่ยวข้องกับผิวนั้นก็จะไม่ทำการสร้างคอลลาเจน แน่นอนว่าผิวที่เคยตึงกระชับก็จะเหี่ยวย่นได้มากยิ่งขึ้น เพราะฉะนั้นก็ควรที่จะมีการบำรุงไปให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นครีมหรือวิธีการบำรุงผิวหน้าแบบต่างๆ แต่ว่าทางที่ดีมากที่สุดนั้นก็คือการเลือกรับประทานอาหารให้เหมาะสมกับวัย

ดังนั้นแล้วในเรื่องของการดูแลผิวพรรณสามารถที่จะแบ่งกันไปตามอายุได้ง่ายๆอย่างที่กล่าวไป แต่ทั้งนี้เราก็จะสามารถมองเห็นได้เลยว่าความเสื่อมของระบบร่างกายของเรานั้นเป็นไปได้รวดเร็วและง่ายมาก แต่ก็ใช่ว่าเราจะช่วยในเรื่องของการยับยั้งหรือดูแลสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ โดยเฉพาะในเรื่องของผิวเพราะเราสามารถที่จะดูแลผิวของตัวเองได้ง่ายๆ

นอกเสียจากการบำรุงผิวไปตามอายุที่เหมาะสมแล้ว การเลือกทานวิตามินเสริมเหล่านี้ก็สามารถที่จะช่วยบำรุงผิวให้ดีได้เช่นกัน แต่ถ้าหากพูดว่าสามารถที่ช่วยบำรุงผิวให้ดีต้องบอกเอาไว้ก่อนเลยว่าอาจจะไม่ได้ดีครบเหมือนตอนวัยรุ่น แต่ก็สามารถที่จะช่วยในเรื่องของการดูแลผิวให้ดีได้ในระดับนึง

โดยในความเป็นจริงร่างกายของคนเรานั้นเมื่อแก่ก็จะเสื่อมลงเป็นธรรมดาเพราะฉะนั้นแล้วการเลือกไปทำศัลยกรรมนั้นก็อาจจะไม่ได้ช่วยมาก หรือสำหรับบางคนก็อาจจะบอกได้เลยว่าไม่ได้ช่วยเลยในเรื่องของศัลยกรรมให้ดูเด็กลง แต่จริงๆแล้วสิ่งเหล่านี้สามารถที่จะปฏิบัติและแก้ไขได้ง่ายๆ เพราะไม่ใช่เพียงในเรื่องของการรับประทานเท่านั้น

การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตรูปแบบต่างๆก็สามารถที่จะช่วยในเรื่องของการทำให้มีผิวที่ดูเด็กลงรวมไปถึงมีผิวที่แข็งแรงแต่ไม่ใช่เพียงแค่ผิวที่แข็งแรงเพราะสุขภาพเองก็จะแข็งแรงตามไปด้วย โดยอาจจะนอนให้ได้เยอะมากยิ่งขึ้นแล้วก็พยายามออกกำลังกาย
มีหลายคนที่ไม่เชื่อเพราะฉะนั้นแนะนำว่าให้ลองไปทำดูแล้วจะบอกเลยว่าผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่น่าเชื่อ จะเอาเป็นว่ายังมีเรื่องหรือเทคนิคดีๆเกี่ยวกับสุขภาพและการดูแลผิวอีกมากมาย เพราะฉะนั้นแนะนำว่าอย่าเพิ่งทิ้งเรา ติดตามกันไปเรื่อยๆอาจจะช่วยได้มากกว่า

ไม่อยากหน้าพังอย่าทำพฤติกรรมตามเรา

ฮัลโหล!!!!!เธอ ยังไม่เบื่อกันใช่ไหมล่ะ แต่บอกไว้ก่อนเลยว่าอย่าเพิ่งเบื่อเพราะในตอนนี้มีแต่สิ่งสำคัญทั้งนั้น แหมถ้าจะให้คอยมานั่งแนะนำวิธีในการดูแลผิวมันก็อาจจะเป็นเรื่องที่ธรรมดาไป เอาเป็นว่าเรามีอะไรบางอย่างมาแชร์ละกัน

แต่บอกเลยว่าเรื่องที่จะเอามาแชร์ให้ได้รู้นั้นเป็นสิ่งที่สำคัญกับสาวๆเป็นอย่างมาก แนะนำว่า ถ้าไม่อยากหน้าพังอย่าทำตาม เอาจริงๆก็เป็นประสบการณ์ที่เกิดมาหลายปีอยู่เหมือนกัน แต่เราก็เพิ่งสังเกตได้แล้วว่าพฤติกรรมที่ทำอยู่มาอย่างต่อเนื่องมันกลับทำให้ผิวของเราเสียไปโดยที่เราเองก็รู้เท่าไม่ถึงการณ์เหมือนกัน

อันแน่!?!? พูดมาอย่างนี้อยากรู้กันแล้วใช่ไหมล่ะ อ่ะๆ…อย่าไปรอช้า เพราะเราก็ไม่อยากจะล้างพวกเธอเอาไว้ให้เสียเวลาเหมือนกัน แต่ว่าในส่วนนี้บอกได้เลยว่าสำคัญอยู่พอสมควร ถ้าไม่ปรับพฤติกรรมเหล่านี้นะหน้าเธอไม่เหลือแน่ๆ

สครับผิว ใช้ไม่เป็นเสี่ยงหน้าพัง T_T

พังจริงๆนะไม่ได้ล้อเล่น มีหลายคนไม่เชื่อว่าจริงๆแล้วหน้าพังได้เพราะสครับผิว เราเนี่ยแหละที่เป็นคนพบเจอกับปัญหานี้มาด้วยตัวเอง เพราะถึงแม้ว่าสักครั้งจะช่วยให้ผิวหน้าดูดีเนียนใสกำจัดสิ่งสกปรกได้ แต่ในความเป็นจริงแล้วเราก็สามารถที่จะน่าฟังได้จากการใช้สครับด้วยเหมือนกัน

ด้วยความที่ตอนนั้นเราเชื่อว่าสครับผิวถือเป็นวิธีที่ช่วยในการผลัดเซลล์ผิวทำให้หน้าเนียนได้มากยิ่งขึ้น(ซึ่งมันก็จริงนะ) แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ตรงนั้นพอเด้าดันเลือดเม็ดสครับไม่เหมาะกับผิวหน้า จริงๆขนาดของเม็ดสครับเราบอกเลยว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมาก โดยการปฏิบัติดังนี้

  • เลือกเม็ดสครับที่มีขนาดใหญ่มากจนเกินไป ส่งผลให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว
  • ขัดผิวแรงมากจนเกินไป ส่งผลให้ผิวเกิดการอ่อนแอลง

เนี่ยแหละ เป็นโทษที่เกิดขึ้นจากการที่เราใช้สครับโดยที่ไม่มีการเลือกหรือวิเคราะห์ใดๆทั้งสิ้น เอาจริงๆแล้วการเลือกสรรคครับถือว่าเป็นสิ่งสำคัญเหมือนกันนะแต่ว่าเอาไว้จะมาอธิบายให้ฟังทีหลังก็แล้วกัน เดี๋ยวมันจะเสียเวลามากจนเกินไปแล้วก็อีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้หน้าพังได้

กำจัดสิวด้วยการบีบ ถือเป็นการทำลายหน้าตัวเองชัดๆ??

 

เคยได้ยินกันมาใช่ไหมล่ะว่าการบีบสิวถือเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สามารถที่จะทำให้หน้าพัง ถ้าไม่ลองก็ไม่เชื่อ เพราะฉะนั้นเราเลยจัดไป มีสิวขึ้นเมื่อไหร่ที่ไหนเราบีบเมื่อนั้น ผลปรากฏว่าหน้าเราเป็นทั้งจุดด่างดำที่เกิดขึ้นจากการเป็นสิวรวมไปถึงยังทำให้เกิดหลุมสิวต่างๆมากมาย

 

แน่นอนว่าพอเป็นอย่างนี้แล้วความมั่นใจในการแต่งตัวหรือการออกไปในสังคมก็ลดน้อยลง รักกว่าการที่เราจะรักษาผิวหน้าที่พังจากการบีบสิวให้หายได้ก็ใช้ระยะเวลาอยู่พอสมควร หรือจะบอกได้คร่าวๆว่าเราเก็บตัวเองอยู่ในบ้านนานพอสมควรเลยทีเดียวกว่าหน้าเราจะหายเป็นปกติแต่ไม่ 100 เปอร์เซ็นต์

 

ก็แหมจะให้ไปร้อยเปอร์เซ็นต์ได้ยังไงในเมื่อผิวพังไปแล้วการที่จะซ่อมผิวให้กลับมาเป็นปกตินั้นถือว่าเป็นเรื่องยากพอสมควรถ้าหากว่าใช้วิธีแบบธรรมดาไม่ได้เลือกใช้เครื่องมือแพทย์ แต่ถึงแม้ว่าจะมีเครื่องมือแพทย์เป็นตัวช่วยก็ยังไม่แนะนำให้บีบสิวด้วยอยู่ดี เอาเป็นว่าลองหาครีมที่ใช้เพื่อให้สิวแห้งหรือว่าอาจจะต้องรอระยะเวลาให้สิวแห้งแล้วค่อยกำจัดก็ได้เช่นกัน

 

เอาจริงๆ 2 สาเหตุนี้ถือเป็น 2 สาเหตุหลักหลักเลยก็ได้ แต่อีก1 สาเหตุที่สำคัญก็คือการไม่ใช้ครีมกันแดด ก็น่าจะรู้กันดีว่าเมืองไทยของเราแดดแรงมากแค่ไหน เหลือแต่ว่าถ้าเผาหน้าให้ละลายได้คงทำไปแล้ว เอาจริงๆการช่วยในเรื่องของการทาครีมกันแดดถือว่าช่วยให้ผิวไม่ถูกรังสียูวีทำร้าย และที่สำคัญยังสามารถที่จะป้องกันมะเร็งที่มาจากแสงแดดได้ด้วย

 

เพราะฉะนั้นทางที่ดีแนะนำเลยว่าวิธีเหล่านี้ถือว่าเป็นวิธีที่ไม่ควรทำตามเป็นอย่างยิ่ง แต่เราแค่อยากจะเอามาบอกเล่าให้ฟังเฉยๆเพราะว่ามีสาวๆหลายคนที่ไม่เชื่อและกำลังทำพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ บอกเลยว่าควรหยุดซะเพราะระยะเวลาในการที่จะรักษาให้ผิวกลับมาเป็นเหมือนเดิมนั้นถือว่านานพอสมควร และเป็นช่วงเวลาที่ทรมานเหมือนกัน

แต่เอาเป็นว่าจะพยายามหาเคล็ดลับเทคนิคดีๆรวมถึงวิธีในการทำครีมเพื่อการดูแลผิวหน้ามาแบ่งปันให้กับสาวๆหลายคนได้เรียนรู้เพื่อการประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยละกัน เพราะฉะนั้นอย่าทิ้งกันนะ

อยากผิวสวย แต่ไม่ชอบทานผักผลไม้ทำอย่างไรดี ???

บรรดาคุณสาวๆล้อมวงมาทางนี้ เรามีเรื่องจะบอกเอาเป็นว่าต่อจากตอนที่แล้วก็แล้วกันเนอะ แหม!!!แนะนำวิธีดูแลผิวไปมากมาย ได้ไปทำตามกันบ้างหรือป่าวเนี่ย แต่จริงๆแล้ววิธีเหล่านั้นอาจะต้องมีการปรับในเรื่องของพฤติกรรมการใช้ชีวิตกันเอาไว้บ้าง

แต่เอาเป็นว่าในเรื่องของพฤติกรรมมันก็ต้องครอบคลุมไปในทุกๆเรื่องใช่ไหมละ เพราะฉะนั้นมีเรื่องทานอาหารก็ถือเป็นอีกหนึ่งพฤติกรรมที่มีความสำคัญเหมือนกันนั่นแหละ แต่ว่าถ้าให้คอยมานั่งแนะนำมีสาวๆหลายคนก็คงจะไม่เชื่อใช่ไหมล่ะ งั้นเอาเป็นว่าเราจะแชร์ประสบการณ์ในด้านของการทานอาหารเพื่อบำรุงผิวให้สวยงามก็แล้วกัน

ก็ถ้าหากว่าลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งหมดดูดีแล้วแต่ว่ายังไม่ได้ช่วยได้มากนั้น การเลิือกทานก็ถือเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน แหมแต่ของกินในโลกก็มีมากมายแล้วจะไปเลือกทานอะไรดี ไม่ต้องกังวลเอาเป็นว่าเราจะแนะนำสิ่งที่สามารถรับประทานเข้าไปแล้วได้ผลสำหรับการบำรุงผิวจริงๆก็แล้วกัน

ผักผลไม้ตัวดี ช่วยให้ผิวสวยใสอย่างแน่นอน!!!

จริงๆแล้วหลายๆคนก็อาจะไม่ชื่นชอบในการับประทานผักผลไม้ หลายคนก็อาจะบอกว่ามันอร่อยแต่สำหรับคนที่ไม่ชอบด้วยนะว่าเป็นปัญหาเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้นแล้วการที่จะทำให้ร่างกายได้รับวิตามินหรือสารอาหารจากผักผลไม้เหล่านี้ก็ถือเป็นการลดโอกาสลงไปด้วยเช่นกัน แหะๆเอาจริงๆเราก็เข้าใจความรู้สึกนี้ดีพอสมควร เพราะเราก็เป็นหนึ่งคนที่ไม่ชอบทานผักและผลไม้

แต่เอาเป็นว่าเราก็ยังอยากจะแนะนำอยู่ดี เพราะในปัจจุบันเราก็เริ่มหันมาปรับตัวในการทานผักผลไม้ได้มากยิ่งขึ้น ไม่ต้องสงสัยหรือกังวลอะไรหรอกเพราะเทคนิคที่ง่ายมากที่สุดที่จะช่วยให้สาวๆที่ไม่ชื่นชอบในการทานผักผลไม้สามารถที่จะทานสิ่งเหล่านี้ได้ดีมากยิ่งขึ้นก็คือ

มิกซ์แอนด์แมทช์ สร้างประสบการณ์การดื่มที่ดี!?!?

เอาจริงๆนะไม่ต้องกังวลไปหรอก มั่นใจว่าที่บ้านก็จะต้องมีเครื่องปั่นกันอยู่บ้างใช่ไหมล่ะ งั้นก็เลือกผลไม้ที่สามารถที่จะช่วยในการบำรุงดูแลผิวพรณทั้งหมดให้เข้าด้วยกัน แน่นอนพอบอกว่าปั่นหลายๆคนอาจะกลัว แต่บอกเลยว่าขอให้รอเพราะเราก็ทำมาแล้ว เอาจริงๆนะเราปั่นทั้งผักและผลไม้นั่นแหละ เพราะวิธีงั้นก็ทำให้คนที่ไม่ชอบทานผักผลไม้สามารถที่จะรับประทานได้ง่ายมากยิ่งขึ้น

แต่ส่วนใหญ่ที่เราจะเอามาปั่นให้เข้ากันเราก็อาจะดูสูตรมาจากหลายๆที่เพื่อที่จะเอามาปั่นให้ได้รสชาติที่ดีมากพอที่เราจะดื่มได้ โดยอาจจะมีการใส่ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ หรืออาจะผสมผักเข้าไปด้วยอย่างแครอท หรือผักอื่นๆอีกมากมายที่สามารถเอามาปั่นให้เข้ากันได้

อย่างที่บอกว่าไม่ต้องคอยไปนั่งกังวลเรื่องรถชาติหรอก เพราะเอาจริงๆนะการที่ทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารจากผักและผลไม้เหล่านี้สามารถที่จะทำให้ผิวดีขึ้น เรากล้ารับประกันนะเพราะตอนแรกก่อนที่เราจะทำน้ำผักผลไม้เหล่านี้ดื่ม ผิวของเราแย่มากทั้งแห้ง แล้วก็ที่สำคัญก็ยังมีปัญหาผิวอื่นๆตามมา แต่ตั้งแต่เรามาดื่มน้ำผักผลไม้มากยิ่งขึ้นก็ทำให้ผิวของเราชุ่มชื้นแล้วก็หมดปัญหาผิวไปได้เยอะพอสมควร

เพราะฉะนั้นแนะนำไว้เลยว่าการเลือกดื่มเครื่องดื่มที่เป็นน้ำผักผลไม้สามารถที่จะดื่มในตอนเช้าของทุกๆวัน เพื่อที่จะให้ร่างกายนั้นดูดสารอาหารเหล่านี้ไปใช้งานได้ง่ายๆ เราก็อาจจะดื่มแค่ช่วงเช้าเพียงแค่ครั้งเดียวก็ได้ถ้าหากว่าใครไม่ชอบ แต่เราบอกเลยว่าตั้งแต่เราหันมาดื่มน้ำผักผลไม้ไม่ใช่แค่เพียงในเรื่องของผิวเท่านั้นที่ดีขึ้น

ในเรื่องของสุขภาพของเราก็ดีมากขึ้นด้วยเหมือนกันแหละ ทำให้ร่างกายเราสดชื่นมากยิ่งขึ้นแล้วก็ยังมีผลดีอื่นอื่นๆตามมามากมายจริงๆจะให้เรามานั่งอธิบายก็คงบอกได้ไม่หมด เพราะฉะนั้นหากว่าสาวๆอยากมีผิวพรรณที่สวยเปล่งต่างๆและก็มีสุขภาพที่ดีแนะนำว่าการเลือกทานผักผลไม้ถือเป็นทางเลือกที่ดีแต่ถ้าหากว่าทำไม่ได้การทำน้ำดื่มผักผลไม้ก็อาจจะเป็นทางเลือกที่ดี

แต่ไม่จำเป็นต้องดื่มน้ำผักผลไม้อย่างเดียวก็ได้ลองเอาผักผลไม้ไปแปรรูปหรือไปลองทำอาหารอย่างอื่นดู แล้วจะรู้เลยว่าการทานผักผลไม้เข้าไปในร่างกายนั้นถือว่าเป็นเรื่องง่ายเป็นอย่างมาก เอางี้ไว้เราได้ลองทำอาหารสูตรใหม่ๆเพื่อบำรุงผิวแล้วจะมาแนะนำให้รู้ในคราวหน้าละกัน

กลับมาผิวหน้าเนียนสวย จากการลองใช้ “ดินสอพอง”

บางทีก็เอาคำแนะนำมาบอกมากจนเกินไป พวกเธอเริ่มเบื่อกันไปบ้างหรือยัง เอางี้หลังจากที่บอกว่าจะเอาประสบการณ์ต่างๆที่ใช้เพื่อการดูแลผิวมาแชร์ให้ทราบ ไม่ต้องกังวล เพราะสำหรับวันนี้เอามาแนะนำอย่างแน่นอน

เอาเป็นว่าอย่างแรกเริ่มกันที่ในเรื่องของการลองใช้วิธีการบำรุงแบบทั่วไปก่อนแล้วกันเนอะ แต่เอาจริงๆนะเคยลองวิธีแบบสมัยใหม่ก็ใช้ได้ผล แต่จริงๆอยากให้ลองหันกลับมามองว่าจริงๆแล้วการหันมาใช้อะไรที่เป็นไทย หรือแม้กระทั่งการเลือกใช้สมุนไพร ก็กลายเป็นทางเลือกที่ดีเหมือนกันนะ

อย่างแรกลองนึกดูนะ ครีมหน้าขาว ผิวขาวปัจจุบันมีมากมายแล้วจะไปเลือกยังไง แล้วจะรู้ไหมอันไหนดีจริง เพราะฉะนั้นการหันมาเลือกใช้อะไรที่เป็นสมุนไพรไทยๆหรือของธรรมชาติ ก็อาจจะปลอดภัยมากกว่า เอางี้เพื่อไม่ล่าช้า เริ่มกันดีกว่าเนอะ!!!

ตอนแรกก็นั่งคิดอยู่สักพักเหมือนกันนะ ไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาลองเพื่อที่จะแนะนำดี แต่พอดีว่าเดินเข้าไปในห้องน้ำ ก็หันไปเห็น “ดินสอพอง” อันแน่!!! เคยได้ยินกันใช่ไหมละ เนี่ยละ ตัวช่วยอย่างดีเลยทีเดียวที่จะช่วยให้ผิวหน้าดีขึ้นอย่างที่ต้องการ

วิธีใช้ดินสอพองก็ไม่มีอะไรมาก จริงๆก็ขึ้นอยู่กับว่าความสะดวกของแต่ละคน อย่างที่เราได้ลองใช้เอง ก็คือ หลังจากอาบน้ำเสร็จ ให้ซับหน้าให้แห้งแบบพอประมาณ และหลังจากนั้นหยิบดินสองพอมา 1 ก้อน จะละลายน้ำในภาชนะ หรือว่าจะเลือกละลายน้ำกับดินสอพองบนฝ่ามือก็ได้เช่นกัน

และหลังจากการละลายให้พอกเอาไว้บนหน้า แล้วปล่อยให้แห้ง ซึ่งถ้าหากว่าพอกไว้ตอนกลางคืน ก็สามารถที่จะทิ้งไว้ได้ถึงตอนเช้า แล้วก็ล้างหน้าอาบน้ำได้ตามปกติ ลองทำมาเกือบอาทิตย์ เอาจริงๆนะบอก้ลยว่าผิวหน้าดูดีขึ้นอ่ะ แบบว่าหน้าไม่มันง่าย แล้วก็ทำให้ผิวหน้านุ่ม รวมไปถึงทำให้น่าใสมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ไม่ใช่แค่หน้าใส แต่หน้าสิวก็อันตรธานหายไปได้เหมือนกัน!!!!

เอ้า!!!!นี่เรื่องจริง เรื่องสิวดินสอพองก็ช่วยได้จริงๆนะ แต่ว่าทั้งนี้การที่จะใช้ดินสอพองเพื่อลดสิวก็อาจจะต้องมีส่วนผสมมาเป็นตัวช่วย เคยได้ยินดินสอพอง+น้ำมะนาวไหม เนี่ยละเคล็ดลับสำคัญเลยนะถ้าหากว่าอยากหน้าไร้สิว แล้วใครบอกว่าเราจะไม่ลอง เพื่อที่จะช่วยแนะนำให้กับสาวๆได้ เราก็ลองใช้เองเลย

แต่ว่าตอนที่เอาดินสอพอง+น้ำมะนาวกันในครั้งแรกตอนบีบน้ำมะนาวตอนแรก แอบตกใจเบา!! แล้วหน้าฉันจะพังไหมเนี่ย แต่ว่าบอกไว้เลยว่าไม่เป็นอย่างที่คิด ไม่พัง!! แล้วก็ทำให้สิวบนหน้าลดลงเร็วเหมือนกันนะ(แต่บอกเอาไว้ก่อนว่าเรื่องพวกนี้สามารถที่จะเกิดขึ้นได้แบบแล้วแต่คนน่ะ) จากที่สังเกตดูบนหน้าผากนี่หายลงไปเยอะ

แต่ไม่ใช่เพียงแค่ในเรื่องของสิวนะที่หายไป เอาจริงๆพวกรอยดำที่เกิดขึ้นมาจากสิว จากที่เคยเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่บนหน้า ก็หายตามไปอีก อะไรมันจะดีเช่นนี้ แต่ขอเตือน เคยแนะนำให้เพื่อนๆลองใช้ แต่ว่าต้องลองทดสอบก่อนนะ เพราะเนื่องจากว่าบางคนแพ้ ทางทีดีแนะนำว่าให้ลองกับผิวด้านอื่นๆก่อน

ระวัง ดินสอพองผง อันตรายที่ควรรู้ !!!!

จริงๆแล้วถึงแม้ว่าดินสอพอง จะมีคุณประโยชน์มากมาย แต่ว่าการที่จะใช้ดินสอพองเองก็มีอีกหนึ่งสิ่งที่จะต้องระวัง นั่นก็คือ ผงดินสอพอง ก็ไม่ใช่อะไรมากมาย แต่แค่อยากที่จะเตือนเอาไว้ก่อน เพราะผงดินสอพองถือเป็นสารแคลเซียมคาร์บอเนต ซึ่งสามารถที่จะส่งผลอันตรายได้มากมายสำหรับร่างกาย

ดังนั้นทางที่ดี การที่จะใช้ดินสอพองก็ควรที่จะมีการระมัดระวัง แต่ถ้าหากว่าดินสอพองอยู่ในรูปแบบน้ำ ก็อาจจะไม่ส่งผลอันตรายอะไรมากมาย เพราะฉะนั้นแล้วบอกได้เลยว่าการจะใช้ก็ต้องระวังบ้าง หรือว่าถ้าหากว่าดินสอพองแห้งแข็งก็สามารถที่จะขูดออกแล้วทาเป็นแป้งฝุ่นแทนก็ได้

เพราะฉะนั้นหากว่าสาวๆคนไหนที่กำลังมองหาวิธีในการที่จะดูแลผิวหน้าของตัวเอง แนะนำว่าการเลือกใช้ดินสอพองเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดี และบอกเลยว่าการพอกดินสอพอง เป็นทางเลือกที่ดี แต่จะหวังให้ดินสอพองช่วยอย่างเดียวก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะว่าจริงๆแล้วก็ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิต

เอางี้!!!ปรับพฤติรรมการใช้ชีวิตใหม่ให้เหมาะสม เลือกหาวิธีในการดูแลผิวแบบต่างๆมาปรับใช้ พร้อมทั้งในเรื่องของการทาอาหาร แล้วจะไม่ผิดหวังถ้าหากว่าอยากมีผิวดี และนอกจากนี้แล้วยังสามารถที่จะช่วยในเรื่องของการดูแลสุขภาพไปพร้อมๆกัน โดยที่ไม่ต้องกังวลเลยว่าดูแลอย่างเดียว จะได้เพียงแค่อย่างเดียว

เอาเป็นว่ารอบหน้ามีทริคอะไรเด็ดๆมาแนะนำอย่าลืมติดตามกันนะ จะได้มีผิวที่ปังอย่างที่ต้องการ

เทคนิคสวยสง่าแบบ “คลีโอพัตตรา”

มาต่อกันดีกว่าเนอะ เพราะว่าตอนที่แล้วที่แนะนำไปเรื่องภัยอันตรายต่างๆมากมาย บอกเลยว่าจริงๆเราก็ยังที่จะสวยแล้วมีผิวที่สวยงามได้ไม่แพ้กัน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ทางเลือกที่เป็นธรรมชาติ ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากที่สุด อย่างในส่วนที่บอกไว้ตอนท้ายของตอนที่แล้ว เรื่องตำรับความสวยงามแบบโบราณ มั่นใจเลยว่ามีหลายๆคนต้องอยากรู้

ตำรับความงามแบบโบราณ จะให้มานั่งสาธยายทีเดียวพูดเลยว่าทำไม่ได้ เอาจริงๆนะเพราะมันเยอะมากๆ แต่อีกหนึ่งตำรับความงามที่หลายคนต้องอยากรู้ และมีหลายคนเลยทีเดียว ที่ต้องการที่จะทำตาม

สง่างามไปทุกวัย ตามตำรับเครื่องประทินผิว “คลีโอพัตตรา”

ไม่มีใครไม่รู้จักหญิงงามในยุคโบราณ แต่ก็มีชื่อเสียงอยู่ถึงปัจจุบัน เพราะจริงๆแล้วคลีโอพัตตราเป็นหญิงที่งามไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปร่าง หรือแม้หน้าตา เรียกไ้ว้ไร้ที่ติเลยทีเดียว แต่การที่จะงามแบบไร้ที่ติได้อย่างคลีโอพัตตรา แน่นอนว่าในเรื่องของวิธีในการดูแลความงาม พระนางสามารถที่จะสรรหามาแบบที่ไม่มีใครคาดคิดว่าสามารถที่จะทำได้ อยากรู้กันไหมละว่ามีอะไรบ้าง

น้ำส้มสายชูหมักแอปเปิ้ล ถือเป็นทางเลือกแรกเลยทีเดียวในการดูแลผิวของพระนาง โดยในปัจจุบันเราจะรู้จักกันในอีกหนึ่งชื่อคือ Apple cider โดยสำหรับวิธีนี้จะถูกใช้เพื่อการล้างหน้าโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีการผสมเพียง ¼ ถ้วย กับน้ำอุ่นเต็มอ่าง และเมื่อล้างก็ปล่อยให้หน้าแห้งเองห้ามซับ เพราะเนื่องจากจะสามารถที่จะช่วยในเรื่องของ การไหลเวียนในเส้นเลือดฝอย

องุ่น สำหรับสาวผิวแทนก็อาจจะต้องการวิธีในการบำรุงผิวแบบเฉพาะ แต่วิธีนี้แนะนำว่าให้เลือกใช้เป็นองุ่นเขียว ต้องบดองุ่นที่เตรียมไว้ทั้งหมดให้ละเอียด แล้วหลังจากนั้นผสมน้ำผึ้ง เมื่อส่วนผสมทั้งหมดเข้ากัน ค่อยนำมาพอกหน้า ทิ้งเอาเพียงแค่ 15 นาที จากนั้นทำการล้างออก

น้ำผึ้ง โดยสำหรับพระนางจะใช้น้ำผึ้งเพื่อการพอกหน้า เพราะเนื่องจากว่าน้ำผึ้งถือเป็นตัวช่วยที่มีสรรพคุณมหาศาล และจะช่วยโดยเฉพาะในเรื่องของผิว ซึ่งสามารถที่จะทำให้มีผิวหน้าที่เนียน ชุ่มชื้น และยังสามารถที่จะต้านแบคทีเรียและอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวดูลดอายุมากไปกว่าเดิม และไม่ต้องกังวลเนื่องจากสามารถที่จะช่วยในเรื่องของกรเปิดรูขุมขนให้กว้างมากยิ่งขึ้น

น้ำกุหลาบ อีกหนึ่งวิธีลับๆของพระนางคลีโอพัตตราที่หลายๆคนไม่อยากจะเชื่อว่าพระนางจะเลือกใช้ โดยสำหรับน้ำกุหลาบนั้นช่วยให้ผิวนุ่มมากยิ่งขึ้น โดยสำหรับวิธีการเลือกใช้น้ำกุหลาบนั้น ช่วยในเรื่องของการบำรุงผิวที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด และสำหรับในฤดูร้อนแนะนำว่าควรที่จะใช้ เพราะสามารถที่จะทำให้สดชื่นมากยิ่งขึ้น แต่ไม่ใช่เพียงทำนี้สามารถที่จะใช้แทนรองพื้นได้ด้วย

ครีมสูตรลับ มีสาวๆหลายคนที่ไม่รู้ว่าจริงๆมีครีมสูตรนี้ โดยเป็นครีมที่พระนางคลีโอพัตตราทำมาใช้ ซึ่งเป็นครีมที่มหัศจรรย์เป็นอย่างมาก ก็คือ สามารถที่จะใช้ได้สำหรับทุกผิวเลยทีเดียว ส่วนประกอบมีเพียง

  • ขี้ผึ้ง 2 ช้อน
  • น้ำมันกุหลาบ 4 หยด
  • น้ำมันอัลมอนต์ 2 ช้อนโต๊ะ
  • น้ำว่านหางจระเข้ 2 ช้อนโต๊ะ

โดยถ้าหากว่าสาวๆคนไหนอยากเติมวิตามินอี ก็สามารถที่จะเพิ่มเติมเข้าไปได้ โดยทำการผสมส่วนผสมทั้งหมด แล้วหลังจากนั้น ก็นำไปแช่ตู้เย็น และครีมสูตรลับนี้ สามารถที่จะใช้ได้เพียง 1 สัปดาห์

น้ำนม นอกจากครีมสูตรลับจะได้รับความนิยมแล้ว ยังมีน้ำนมที่เป็นส่วนผสมหลัก ที่จะช่วยในเรื่องของการบำรุงผิวได้ดีที่สุด โดยทำให้ผิวมีความเปล่งปลั่งมากยิ่งขึ้น โดยอาจจะผสมกับน้ำมันอัลมอนต์ หรือว่าจะเป็นน้ำผึ้งก็ได้เช่นกัน แต่แนะนำว่าให้แช่เอาไว้อาจจะดีกว่า

โดยสูตรลับหลักๆของคลีโอพัตตรา ก็มีเพียงเท่านี้ แต่จริงๆแ้วยังมีสูตรลับอีกมากมาย ที่สาวๆต้องการที่จะดูแลผิวยังไม่ทราบ แต่จริงๆแล้วในเรื่องของการกิน ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพราะเนื่องจากว่าการกินถือเป็นการบำรุงและดูแลจากภายใน ดังนั้นแล้วจึงควรที่จะพิจารณาการกินด้วย

เอางี้ เราจะไม่กั๊กอีกต่อไป ในเรื่องของการกินเดี๋ยว เราจะนำมาแนะนำว่า อยากมีผิวที่ดี ผิวที่สวยควรที่จะกินอะไร แต่เอาจริงๆแล้ว จะให้บอกแต่แนวทางก็คงเป็นไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นทางที่ดีก็อาจจะต้องใช้เวลากันบ้าง เนื่องจากว่าเราจะทดลองแล้วเอามาบอกเอง เพื่อที่จะแนะนำให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

อย่าพลาดนะ แล้วบอกเลยว่าจะเสียดายมากๆเลย เอาจริงๆการดูแลผิว มักจะต้องดูแลควบคู่ไปกับสุขภาพ เพราะถ้าหากว่าสุขภาพดีมากแค่ไหนในเรื่องของผิวก็จะดีไปด้วยแค่นั้น เอางี้ ติดตามกันไว้เลยดีกว่า บอกเลยว่ายังมีเคล็ดลับมากมายที่จะช่วยในเรื่องของการดูแลผิว ดังนั้นขอแนะนำว่าให้ลองเลือกทำตาม แต่บอกเลยว่าตอนหน้ายังมีอะไรอีกมากมาย อย่าพลาดนะ

อยากสวยทั้งที พฤติกรรมจะไม่ปรับได้ยังไง

ฮัลโหล!!!! สาวๆตื่น จำได้ไหมว่ารอบที่แล้วเราบอกอะไรเอาไว้ แน่นอนว่าตั้งใจจะมาเฉลยให้ทราบกันจริงๆว่าผิวหมองคล้ำจากแสงของคอมพิวเตอร์มีอะไรบ้างที่สาวๆหลายคนมักจะเข้าใจผิด อย่างในเรื่องของผิวหน้าที่คล้ำลง เวลาอยู่หน้าจอคอมพ์ เอาจริงๆมันไม่คล้ำแบบดำลงไรงี้นะ แต่มันเป็นอาการของผิวหน้าที่ล้าลงไปเฉยๆ และจริงๆแล้วบอกได้เลยว่าการที่ผิวหน้านั้นจะล้าได้ ก็เกิดขึ้นมาจากหลากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นทั้งอาการเครียด พักผ่อนน้อยปัจจัยเหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาที่ส่งผลทั้งนั้นไม่ใช่เพียงแค่การเล่นคอมพ์อย่างเดียวหรอกนะ

ทางที่ดีควรทำความเข้าใจกันใหม่ได้แล้วว่าจริงๆการที่จะทำให้ผิวหน้าคล้ำอาจจะไม่ได้เกิดจากคอมพิวเตอร์ส่วนใหญ่ แต่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ทางที่ดีควรเริ่มจากการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันใหม่เสียก่อน อย่างพึ่งไปโทษคอมพิวเตอร์เลย อ่ะๆๆแต่ถ้าหากว่าไม่บอกก็จะใจร้ายเกินไปใช่ไหมละ เอางี้ เดี๋ยวจะแนะนำให้ก็ได้ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าอาจจะเห็นผลบางคนหรืออาจจะไม่เห็นผลสำหรับบางคน ถ้าหากว่าตั้งใจทำตามจริงๆ

อย่างแรก ล้างเครื่องสำอางค์ที่ประโคมเอาไว้ทั้งหมด และที่สำคัญล้างออกให้เกลี้ยงเพราะจริงๆแล้วมีความสำคัญมาก อย่างที่รู้สาวๆส่วนใหญ่การแต่งหน้าถือเป็นเรื่องสำคัญ แต่ยิ่งในช่วงเวลากลางคืน ผิวควรได้มีอากาศหายใจบ้าง และถ้าหากว่าล้างเครื่องสำอางค์ที่ผิวหน้าออกไม่หมด ก็เป็นสาเหตุของการเกิดสิวหัวดำ รวมถึงรูขุมขนบนใบหน้าอุดตั้น ถ้าอยากที่จะทำความสะอาดเมคอัพเหล่านี้ ก็ใช้น้ำมันมะกอกกับสำลี แต่อย่าใช้การถู แนะนำให้เช็ดแบบนวดเอาจะดีกว่า

อย่างที่สอง ครีมกันแดดที่สาวๆหลายคนไม่ยอมใช้ นั่นแน่…อย่าคิดว่าไม่รู้ ก็มีสาวๆหลายคนที่ไม่ยอมใช้ แต่ถ้าอยากมีผิวหน้าปังๆก็อย่าพลาดที่จะใช้ครีมกันแดด โดยให้เลือกแบบที่มี SPFมากกว่า 15 ขึ้นไป เพราะสามารถบล็อกยูวีเอและยูวีบี เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดปัญหาผิวรูปแบบอื่นๆอีกมากมาย แต่แนะนำก่อนนะการที่จะเลือกครีมกันแดด แนะนำว่าให้เป็นแบบ nonacnegenic เพราะจะเป็นครีมกันแดดที่ไม่ทำให้รูขุมขนอุดตั้น

อย่างที่สาม จะเป็นแดรกคูล่ากันหรือไง??กลางคืนเขาให้นอนก็นอน สาวๆหลายคนชอบฝืนที่จะอยู่กลางคืน บอกก่อนว่าไม่ใช่ความคิดหรือทางเลือกที่ดีสักเท่าไหร่ เอาจริงๆก็มักจะไม่ค่อยคิดหรอกว่าการนอนหลับจะช่วยได้ แต่บอกเลยว่าการนอนหลับให้ถึง 8 ชั่วโมง สามารถที่จะช่วยได้จริงๆ แต่แนะนำว่าให้ทำไปพร้อมๆกับการบำรุงด้วยน้ำผึ้ง ซึ่งวิธีนี้เป็นการรักษาผิวหน้าแบบธรรมชาติ เอาจริงๆทางแก้นี้ก็เป็นวิธีที่แก้ได้ผลมากจริงๆ เพราะถือว่าเป็นการแก้ที่มาจากต้นเหตุ

อย่างที่สี่ เคยได้ยินกันมาบ้างแล้วใช่ไหมว่าน้ำ สามารถสร้างความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ และจริงๆก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำตามอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการกินน้ำให้ได้ 8 แก้วต่อวัน บางคนอาจจะบ่นใช่ไหมละว่าจะไปดื่มยังไงไหว เอางี้ถ้าหากว่าไม่อยากดื่มน้ำเยอะขนาดนั้น ลองเอาผลไม้มาเป็นตัวช่วยแทนก็ได้ แนะนำว่าต้องเป็นผลไม้ที่มีน้ำปริมาณมาก เพราะสามารถที่จะทดแทนเรื่องนี้ได้เช่นกัน

แหม!!มาถึงขนาดนี้ยังมีเรื่องอยากรู้กันอีกใช่ไหมละ เอาเป็นว่าเดี๋ยวเรื่องวิธีเพิ่มเติมค่อยมาต่อกันรอบหน้าแล้วกันเนอะ แต่ไม่ต้องกังวลเพราะรอบนี้ม่ได้จะทิ้้งไปไหน เนื่องจากว่าอยากแทรกในเรื่องของอาหารที่มีความสำคัญในเรื่องของผิวไม่แพ้กับการปฎิบัติตัวเลยด้วยซ้ำ แต่มีเคล็ดลับสำคัญแบบน่าสนใจมากมาฝาก แต่อาจจะเป็นเคล็ดลับที่สาวๆหลายคนยังไม่รู้

น้ำกุหลาบ!!!! ตัวช่วยความงามแบบลับๆ ที่ไม่เคยถูกเปิดตัวมาก่อน

เอาจริงๆมีหลายคนที่ไม่รู้ว่า การที่อยากจะดูแลผิวให้เริศแบบที่ต้องการ จริงๆการดื่มน้ำกุหลาบสามารถที่จะช่วยได้ มีหลายคนเวลาที่เช้าๆตื่นมา ตามักจะบวม อาจจะเกิดมาจากหลากหลายปัญหา แต่ไม่ต้องกังวลเพราะการดื่มน้ำกุหลาบจะช่วยป้องกันปัญหานี้ได้เป็นอย่างดี อีกหนึ่งเรื่องที่น้ำกุหลาบสามารถที่จะช่วยได้ คือ การรักษาสมดุลให้กับผิว หรือจะเรียกว่าเป็นการรักษาค่าphของผิวก็ได้เช่นกัน แต่แนะนำว่าถ้าหากว่าต้องการที่จะใช้น้ำกุหลาบนการบำรุงจริงๆ แนะนำว่าให้เลือกดื่มระหว่างวัน เพราะสามารถที่จะช่วยส่งผลได้ดีมากที่สุด

อ๋อ…ลืมเพิ่มเติมให้ในส่วนที่สี่ ที่บอกว่าผลไม้ที่มีน้ำปริมาณ สำหรับคุณสาวๆ สามารถที่จะเลือกทานผลไม้ได้หลากหลาย อย่าง แตงโม แตงกวา ส้ม สตรอเบอร์รี่ แคนตาลูป ผลไม้จำพวกนี้นั้น สามารถที่จะช่วยในเรื่องของการให้น้ำแก่ร่างกายได้เป็นอย่างดี แต่ยังมีผักผลไม้รูปแบบอื่นๆอีกมากมาย ที่สามารถที่จะช่วยในเรื่องของการให้น้ำ และนอกจากนี้แล้วยังสามารถที่จะช่วยในเรื่องของการบำรุงและดูแลผิวได้อีกด้วย

ทางที่ดีลองเลือกทานผลไมให้หลากหลายดีกว่า เพราะจะช่วยลดอาการเบื่อได้ และที่สำคัญจะดูแลผิวอย่างเดียวคงไม่ได้ ควรที่จะดูแลร่างกายด้วย ยิ่งถ้าหากว่าอากาศร้อนๆ การกินผลไม้ที่มีน้ำปริมาณมากสามารถที่จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับร่างกายเพิ่มมากยิ่งขึ้น และถ้าหากว่าอยากสดชื่นลองดื่มน้ำจากขวดสีฟ้าหรือน้ำเงิน ก็อาจจะส่งผลได้เช่นกัน

เอาไว้เดี๋ยวเรื่องอาหารกับวิธีในการที่จะมาบำรุงแลดูแลผิว รอมาพบในตอนหน้าดีกว่าเนอะ เพราะบอกเลยว่ามีรายละเอียดมากมายเกี่ยวกับอาหารที่ต้องรู้ ถ้าไม่อยากพลาดคอยติดตามกันไว้นะ แล้วจะเปลี่ยนจากผิวพังๆ เป็นผิวปังๆให้ดู