นั่งหันหลัง มองไปที่ทะเลสีฟ้า

นั่งงม นอนงม จมกองเอกสารติดต่อกันมาหลายวัน อยากปั่นให้งานเสร็จไวๆ เพราะใจดิฉันมันลอยไปเกาะรอกนอก รอกใน ในท้องทะเลอันดามันเสียแล้ว ตั้งใจว่าหยุดพักผ่อนคราวนี้จะหลุดแผ่นดินใหญ่หายวับไปในน่านน้ำสีฟ้าซักพัก ก่อนกองทัพนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศจะเริ่มหลั่งไหลเขามาในเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

นั่งหันหลัง มองไปที่ทะเลสีฟ้า

มนุษย์เงินเดือนธรรมดาๆ อย่างดิฉันไม่ขอยอมเป็นมนุษย์ไร้คุณภาพชีวิต ต้องขอกินดี อยู่ดี เที่ยวดี มีความสุข กินดีของดิฉันไม่ใช่การสรรหาอาหารหรูกินนอกบ้าน แต่อาจเป็นหัวดอกกระหล่ำนึ่งโรยเกลือกินกับน้ำเต้าหู้ อยู่ดีของดิฉันไม่ใช่มีบ้านหลังโอ่อ่า แต่ต้องเป็นบ้านที่สะอาดและมีอากาศถ่ายเท เที่ยวดีของดิฉันไม่ใช่ไปต่างประเทศ แต่เป็นที่ไหนก็ได้ที่สงบ และได้ประสบการณ์ใหม่ๆ

เวลาคุณภาพให้ตนเอง

เพราะ Mind Body & Soul ของเรานั้นต้องทำงานร่วมกันและส่งผลกระทบไปถึงกันและกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราจึงต้องหมั่นคอยดูแลรักษาความสมดุลย์ระหว่าง 3 องค์ประกอบหลักคือ ร่างกาย จิตใจ และ จิตวิญญาณ ให้ได้ดีที่สุด ช่วงจังหวะชีวิตในแต่ละวัน ภาระกิจหน้าที่และความรับผิดชอบ อาจทำให้คานที่ควรจะสมดุลย์โอนเอียงไปบ้าง แต่สำนึกในชั่วขณะเวลาของเราจะดึงเรากลับมา ว่าแล้ว…ดิฉันก็ปล่อยมวยผมที่มัดอยู่บนหัวเหมือนรังนก สะบัดสยายออกเป็นอิสระ เป็นการบอกตัวเองเป็นนัยว่า “พอแล้ววันนี้” ลุกขึ้นยืน บิดเอวซ้ายทีขวาที ย่อเข่า โก่งก้นที่นั่งบนเก้าอี้เสียนานจนชา เอี้ยวตัวแตะตาตุ่มซ้ายย้ายมาตาตุ่มขวา “ME time? Yes!!!” คว้าผ้าขนหนูทันใด จัดชุดวันเกิดให้ตัวเอง เปิดน้ำอุ่นๆ คลอเสียงเพลงของ Antonio Zambujo นักร้องหนุ่มหน้าเข้มชาว Portuguese ที่ดิฉันชอบหลับตาพริ้มนึกถึงทุกครั้งที่ยืนอยู่ใต้ฝักบัว (เชื่อว่ามีสาวคิดซุกซนแบบนี้เหมือนๆ กันบ้างล่ะนาาา)

ME time นั้นสำคัญ

ว่ากันถึงเรื่องของ “ME time” หรือการให้เวลากับตัวเองนั้น ดิฉันให้ความสำคัญและลงทุนกับเรื่องนี่มาก ชีวิตเราในยามตื่นวุ่นวายอยู่กับเรื่องของคนอื่นนอกบ้านมามากพอ เมื่อเวลาที่พันธนาการเหล่านั้นสิ้นสุดลงด้วยข้อกำหนด ใครหน้าไหนก็ลากดิฉันไปไม่ได้ค่ะ (นอกจาก Mr. Zambujo) เวลาคุณภาพนี้เป็นของขวัญที่ล้ำค่าที่เราควรมอบให้แก่ตัวเองเมื่อมีโอกาส บางคนอาจชอบออกไปนอนให้คนนอกบ้านหามแห่ นอนกางแข้งกางขาสบายๆ ให้นวด แต่สำหรับดิฉันการเพียงได้นั่งทำเล็บ ขัดขี้ไคล พอกหน้าด้วยตัวเอง ใส่ใจลงรายละเอียดกับตัวเอง และเห็นตัวเองชัดๆ ไม่ว่าจะเป็นขี้เล็บเอย จุดดำๆ บนใบหน้าที่บ่งบอกการทำงานหักโหมของเม็ด Melanin ใต้ผิวทั้งหลาย เหล่า “Laugh Lines” หรือหลักฐานแห่งความสุขและเสียงหัวเราะที่ปรากฏตามร่องแก้ม หางตา ที่เราต่าง

พาเรียกกันซะเสียหายว่า “ตีนกาและดงเหยี่ยว” เวลาเห็นกันจะๆ มันทำให้เกิด “ความสัมพันธ์ฉันท์ตัวเอง” ที่มีคุณค่ามากเกินอธิบายนะคุณนะ ดิฉันจึงยินดีลงทุนกับทุกเรื่องของ กระบวนการ “รักตัวเอง” ดูแลตัวเองให้ดูดีและรู้สึกดีกับตัวเองที่สุดเสมอ แสงเทียน ในมุมสลัว

เมื่อเปิดก๊อกน้ำพาให้นึกถึงสบู่ที่แอบพากลับไทยมาด้วยครั้งไปทัวร์ยุโรปเมื่อปีก่อน คุณเอ๋ยยย…ของใช้ในโรงแรมที่ฝรั่งเศส ไม่ว่าจะเป็นสบู่ แชมพู ครีมนวด ที่จัดวางไว้ให้ล้วนดีเลิศประเสริฐศรี มันเป็นรายละเอียดของการให้บริการที่สำคัญยิ่งที่ทำให้แขกผู้มาเยือนประทับใจ (จนอดใจแอบขอเอากลับบ้านมาเป็นของที่ระลึกไม่ได้) ที่ขาดไม่ได้เลยในกระบวนการ “รักตัวเอง” ของดิฉันคือ การบำบัดด้วยกลิ่น (Aromatherapy) จะเป็นเทียนหอม หรือ Essential Oil กลิ่นแมกไม้ สมุนไพรนานา หยดใส่ Burner หรือแบบชนิดมี Tea Light จุดให้แสงสลัวอยู่ใต้ Wax Melt Warmer งานดินเผาฝีมือคนไทยจาก OTOP ได้หมด สดชื่นหมด…ไม่เกี่ยงค่ะ

แวะชื่นชมงานศิลปะ

หลังดื่มด่ำเสร็จสรรพตามจินตนาการสีดาลงสรงจนสาสมแล้ว การออกไปเดินเล่นดูภาพวาดสวยๆ แปลกๆ แนว Abstract ใน Art Gallery และตระเวณดูตึกรามบ้านช่อง หน้าจั่ว หลังคา ประตูหน้าต่าง แนว Art Nouveou ร่วมสมัย ไปเพลินๆ ในยามบ่ายแดดร่มลมตก เป็นการออกกำลังและผ่อนคลายที่ไม่เลวที่เดียว จุดหมายปลายทางต่อไป…ถนนพระอาทิตย์ที่โปรดปรานในการแวะหาจิบ Cocktail เก๋ๆ ซักแก้วสองแก้ว แถมฝึกภาษาอังกฤษทักทายนักท่องเที่ยวนั่งข้างๆ ตามอัธยาศัย

“To have a positive state of mind, you need to be well in your body and happy in the way you interact with the world,” เป็นคำกล่าวของศาสตราจารย์ Bernard Hickie แห่งมหาวิทยาลัย Sydney ซึ่งดิฉันเทคะแนนให้และเห็นด้วยเป็นที่สุด ภาวะจิตใจที่ดีและเป็นบวกนั้น ย่อมต้องมาจากสุขภาพร่างกายที่ได้รับการดูแลที่ดี และเลือกโต้ตอบและปฏิสันถารกับโลกนี้ในวิถีทางของเราอย่างมีความสุขที่สุด