การเจาะจิ๋ม หรือเจาะอวัยวะเพศ
เป็นอีกหนึ่งแฟชั่นที่ได้รับกระแสนิยมจากบุคคลบางกลุ่ม ที่ชื่นชอบในการเจาะร่างกาย ซึ่งการเจาะจิ๋มถือเป็นการตกแต่งร่างอีกหนึ่งประเภท โดยใช้จิวเวลรี่มาประดับ คล้ายกับการเจาะอวัยวะอื่นๆ อย่างหู ปาก หรือจมูก โดยจิ๋มติดจิวเวลรี่นี้ ถือเป็นอีกหนึ่งรสนิยมทางเพศ ที่จะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศและเพิ่มความสุขในการมีเพศสัมพันธ์เฉพาะบุคคล
วัฒนธรรมของการเจาะจิ๋ม เจาะอวัยวะเพศ
ต้องบอกก่อนว่า แฟชั่นเจาะจิ๋ม มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ สามารถพบได้ในสังคมชนเผ่าหลายแห่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเชียใต้และเอเชียตะวันออก ตั้งแต่อินเดียไปยังเกาะบอร์เนียว ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติตามประเพณีที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ จากบันทึก Kama Sutra ที่เขียนขึ้นเมื่อ 2000 ปีที่แล้ว การเจาะจิ๋ม จึงกลายเป็นเทรนด์ที่ฮิตมากๆ ในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับบุคคลที่อยู่ในราชวงศ์หรือชนชั้นสูง
การเจาะจิ๋มสามารถเจาะในบริเวณไหนได้บ้าง?
ในการเจาะจิ๋ม จะต้องผ่านการเจาะโดยช่างที่เป็นมืออาชีพ หากเจาะโดยไม่มีความรู้ ก็อาจจะเกิดอันตรายถึงขั้นร้ายแรงได้ เนื่องจากอวัยวะเพศหญิง ก็มีหลายส่วนด้วยกันโดยเฉพาะในจุดที่บอบบางจะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ซึ่งจุดที่นิยมเจาะจิ๋ม มีอยู่ด้วยกัน 3 จุด โดยเรียงลำดับตามความนิยมได้ ดังนี้
1. บริเวณหนังคลุมคลิตอริสในแนวนอน
บริเวณหนังคลุมคลิตอริสในแนวนอน เป็นจุดที่สาวๆ นิยมเจาะกันมากที่สุด เพราะผู้หญิงจะมีเนื้อเยื่อหนังคลุมคลิตอริสในอวัยวะเพศที่เพียงพอ ทำให้ไม่ได้รับการกระทบกระเทือนมาก หากเจาะในตำแหน่งที่เหมาะสมก็จะดูสวยงามและดึงดูดใจ อีกทั้งยังเป็นจุดที่รับแรงกระตุ้นในการมีเพศสัมพันธ์ได้เป็นอย่างดี แต่ข้อสำคัญในการเจาะจิ๋มบริเวณหนังคลุมคลิตอริสในแนวนอน จะต้องมีการพบแพทย์เพื่อตรวจบริเวณอวัยวะเพศอย่างละเอียดก่อน เนื่องจากในจุดนี้เป็นจุดที่ค่อนข้างบอบบางและละเอียดอ่อนนั่นเอง
2. บริเวณหนังคลุมคลิตอริสในแนวตั้ง
บริเวณหนังคลุมคลิตอริสในแนวตั้ง เป็นจุดที่สาวๆ นิยมเจาะอันดับ 2 รองลงมาจากหนังคลุมคลิตอริสในแนวนอน ซึ่งการเจาะหนังคลุมคลิตอริสประเภทนี้ จะทําการเจาะในแนวตั้งกับหนังคลุมคลิตอริสที่บริเวณผิวหนังที่คลุมคลิตอริสอยู่ เหมือนกับการเจาะแบบแนวนอน เหตุผลที่ทำให้การเจาะแบบบแนวตั้งได้รับความนิยมน้อยกว่าจะเป็นในเรื่องของความสวยงาม เพราะในเรื่องของการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศก็มีประสิทธิภาพเท่ากัน และแน่นอนว่าก่อนทำการเจาะจะต้องเข้าพบแพทย์เพื่อรับการตรวจร่างกายบริเวณอวัยวะเพศอย่างละเอียด เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้น
3. บริเวณเยื่อเชื่อมแคมเล็ก
บริเวณเยื่อเชื่อมแคมเล็ก เป็นการเจาะจิ๋มที่ไม่ได้รับความนิยมมากนักเนื่องจากอวัยวะเพศหญิงบางคน จะไม่มีเนื้อเยื่อที่มากพอในบริเวณนี้ จึงไม่เหมาะกับ เพราะฉะนั้นการเจาะบริเวณเยื่อเชื่อมแคมเล็ก จึงเหมาะสำหรับผู้หญิงบางคนเท่านั้น
ซึ่งการเจาะจิ๋มแบบนี้จะต้องทำโดยช่างผู้ที่มีความเชี่ยวชาญ เนื่องจากหากเกิดการอักเสบ เนื้อเยื่อบริเวณปากช่องคลอดมักจะฉีกขาดได้ง่าย ทำให้มีอาการเจ็บระหว่างมีเพศสัมพันธ์รวมไปถึงอาจจะทำให้เครื่องประดับที่ใช้เจาะ หลุดเข้าไปในช่องคลอดได้
การเจาะจิ๋ม จิ๋มติดจิวเวลรี่ยังสามารถทำได้อีกหลายรูปแบบ แต่ตัวอย่างที่ได้หยิบยกมาทั้ง 3 แบบนี้ เป็นการเจาะจิ๋มด้วยเครื่องประดับ ที่ได้รับความนิยมและมีความปลอดภัยมากที่่สุด
เครื่องประดับหรือจิวเวอร์รีแบบใด ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับจิ๋มติดจิวเวลรี่
การเลือกประเภทของจิ๋มติดจิวเวลรี่หรือเครื่องประดับ สำหรับเจาะจิ๋ม ก็มีความจำเป็น เนื่องจากผิวในบริเวณนี้มีความบอบบาง จึงต้องเลือกวัสดุที่เหมาะกับผิว ซึ่งหลักๆจะมีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภทดังนี้
1.เงิน : เป็นวัสดุที่ได้รับความนิยมในการเจาะจิ๋ม มีความปลอดภัย และนิยมใช้ในทางการแพทย์อย่างหลากหลาย จึงเหมาะแก่การนำมาใช้เจาะร่างกาย
2.ไทเทเนียม : ไทเทเนียม เป็นวัสดุที่ไม่ก่อให้เกิดความระคายกับผิว เป็นธาตุบริสุทธิ์ จึงมีความแข็งแรงและไม่เป็นอันตรายกับทุกสภาพผิว
3.ทองคำ : หากใครที่มีงบประมาณเพียงพอ ก็สามารถเลือกใช้ทองคำนำมาเป็นเครื่องประดับสำหรับการเจาะจิ๋มได้ นอกจากความสวยงามและมีคุณค่าแล้ว ยังไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองอีกด้วย
หลังจากเจาะจิ๋ม ควรดูแลรักษาความสะอาดอย่างไร?
ในช่วงระยะ 2-3 วันแรกหลังจากทำการเจาะจิ๋ม อาจจะมีอาการบวม มีรอยฟกช้ำ มีสารคัดหลั่งสีขาวหรือสีเหลืองออกมา ทำให้รู้สึกคันเล็กน้อย หรือในบางรายอาจจะมีเลือดออก ซึ่งอาการเหล่านี้จะเกิดขึ้นในช่วงระหว่างการพักฟื้น เมื่อระยะเวลาผ่านไปสักพักอาจจะมีสะเก็ดแผลระหว่างรอยต่อของเครื่องประดับ ซึ่งเป็นอาการที่พบได้ทั่วไป โดยแผลบริเวณภายนอกมักจะหายเร็วกว่าภายใน แต่ก็ควรมีการดูแลรักษาทางความสะอาดอย่างดี ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
● ไม่ควรสัมผัสหรือไปขยับเครื่องประดับบ่อยครั้ง เนื่องจากเนื้อเยื่อภายในยังไม่หายดีเท่ากับเนื้อเยื่อภายนอก จึงควรเลี่ยงการสัมผัสอย่างรุนแรง ในระยะเวลา 4-6 สัปดาห์แรก
● ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสผิวหนังบริเวณที่เจาะจิ๋มก่อนทุกครั้ง
● ต้องทำความสะอาดผิวหนังบริเวณที่เจาะทุกวัน ซึ่งไม่ควรใช้น้ำเปล่าเพียงอย่างเดียว ควรใช้น้ำยาฆ่าเชื้อร่วมด้วย
● หากมีอาการตกขาว หรือมีสารคัดหลั่งสีเหลืองออกมา รวมไปถึงการมีกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ แนะนำให้ทำความสะอาดด้วยสบู่เหลวสูตรอ่อนโยนก่อนทุกครั้งเพื่อป้องกันการติดเชื้อ
● หลังจากทำความสะอาดทุกครั้ง ควรใช้กระดาษชำระเช็ดให้สะอาดและให้แห้งสนิท ไม่แนะนำให้ใช้ผ้าเช็ดแบบใช้ซ้ำ เพราะอาจจะเสี่ยงติดเชื้อได้ง่าย
● สวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาด และไม่ควรใส่เสื้อผ้าที่รัดรูปมากเกินไป
● หลีกเลี่ยงการแช่น้ำในอ่างอาบน้ำ หรือลงเล่นน้ำในสระว่ายน้ำ ในระยะเวลา 4 สัปดาห์แรกหลังจากทำการเจาะจิ๋ม เพราะอาจจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ง่าย
● สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้หลังจากที่แผลเริ่มแห้งแล้ว โดยไม่รุนแรงจนเกินไป และที่สำคัญคือ หลังจากมีเพศสัมพันธ์แล้วควรล้างแผลด้วยน้ำเกลือให้สะอาด
แฟชั่นเจาะจิ๋ม เป็นการเพิ่มสุนทรียภาพทางเพศ กระตุ้นให้เกิดอารมณ์ต่อคู่รัก อีกทั้งยังเป็นแฟชั่นที่ได้รับความนิยมอย่างหลากหลาย เทียบเท่ากับการเจาะร่างกายในบริเวณอื่นๆ แต่ข้อจำกัดในการเจาะจิ๋ม จะต้องระวังภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เกิดการอักเสบ ติดเชื้อ เส้นประสาทเสียหาย หรือมีเลือดออกผิดปกติ ซึ่งอาการดังกล่าวจะมีสัญญาณเตือนก่อนเสมอ เช่น มีไข้ มีกลิ่นไม่พึงประสงค์ หรือมีตกขาวออกมาปริมาณมาก เพราะฉะนั้นหากเกิดอาการเหล่านี้ควรรีบพบแพทย์เพื่อเข้ารับการรักษาโดยด่วน